ไม่ใช่แค่ประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ลุกเป็นไฟ จากความคิดทางการเมืองที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน แต่ทั่วโลกต่างก็ได้รับผลประทบไปไม่มากก็น้อย กับนโยบายทางการเมืองของ “โดนัลด์ ทรัมป์” (Donald Trump) ทั้ง การแบนมุสลิม การสร้างกำแพงยักษ์เพื่อกั้นชาวเม็กซิโก การยกเลิกประกันสุขภาพ Obamacare รวมถึงนโยบาย American First
ซึ่งนโยบายต่างๆนานาเหล่านี้สร้างความหนาวๆร้อนๆ ให้กับ ชาวอเมริกันผู้อาศัยและแรงงานต่างสัญชาติ ที่มีอยู่มากมาย เกือบครึ่งค่อนประเทศ แน่นอนว่านอกจากประชาชนทั่วไปแล้ว บรรดาแบรนด์ต่างๆ ก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย หรือแม้กระทั่งปัญหาการสูญเสียบุคลากรคุณภาพ ซึ่งล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น งานนี้บรรดาแบรนด์จะออกมาตอบโต้อย่างไร BrandBuffet.in.th คัดโฆษณาตอบโต้โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดีงาม บ้างก็กัดเจ็บแบบแสบๆคันๆ มาให้ชมกันครับ
Equallity – Nike
https://www.youtube.com/watch?v=43QTjFCPLtI
โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะบอกว่าคนอเมริกันต้องมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าชนชาติอื่นๆ ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว ประเทศสหรัฐฯนั้น ประกอบด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติมากมาย Nike จับกระแสทางการเมืองมาเปรียบเทียบกับ “สนามกีฬา” ว่าในสนามกีฬานั้น ทุกคนล้วนเท่าเทียมกันหมด วัดกันที่ฝีมือล้วนๆ ถ้าเราสามารถเท่าเทียมกันในสนามได้ แล้วทำไมชีวิตจริง เราจะเท่าเทียมกันไม่ได้? งานนี้ Nike ยกทัพนักกีฬามาร่วมแสดงจุดยืนมากมาย เช่น LeBron James, Serena William, Kelvin Durant รวมถึงนักร้องชื่อดังอย่าง Alicia Keys ด้วย หนังโฆษณาตัวนี้ที่ถูกถ่ายทำมาอย่างสวยงาม แถมยังได้เสียงร้องที่ทรงพลังมาประกอบด้วย ยิ่งทำให้โฆษณานี้ดูมีพลังน่าขนลุกเป็นอย่างมาก
American first Netherland second – Sunday with Lubach
หลายๆคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับ นโยบาย America First แต่ประเทศเนเธอร์แลนด์ไม่คิดอย่างนั้น! เพราะพวกเขาบอกว่า ถ้า ทรัมป์ จะขอ America First ละก็…ไม่เป็นไร แต่ขอเราร่วมด้วย เป็น Netherland Second ได้อ๊ะป่าว? นี่อาจจะเป็นโฆษณาปลอมที่ทำขึ้น เพื่อออกอากาศในรายการ Sunday with Lubach แต่ก็สามารถเรียกเสียงฮาได้อย่างล้นหลาม ไม่เฉพาะชาวเนเธอร์แลนด์เท่านั้น เพราะสามารถกวาดยอดวิว ไปกว่า 10 ล้านวิว จาก Youtube นอกจากนี้ ประเทศอื่น ยังขอร่วมแจมโดยทำเป็นเวอร์ชั่นของประเทศตัวเองด้วย เช่น German Second, Switzerland second หรือ India Second ซึ่งถ้ายังดูเวอร์ชั่นนี้แล้วยังไม่จุใจ แนะนำให้ลองดูของประเทศอื่นๆ ด้วยครับ รับประกันความฮาแบบแสบๆคันๆ แน่นอน
TV2 Denmark All that we share
นี่เป็นอีกหนึ่งโฆษณาจาก เดนมาร์ก ที่สร้างความประทับใจให้เป็นอย่างมาก ด้วยหนังที่ถูกถ่ายทำอย่างเรียบง่าย แต่ จริงเป็นที่สุด ในการตอบโต้นโยบายกีดกันแบ่งแยก และ ให้การอภิสิทธิ์เฉพาะกลุ่ม หนังโฆษณาถูกถ่ายทำด้วยวิธีง่ายๆ โดยการนำคนแต่ละประเภท มายืนอยู่ในเส้นที่ถูกขีดเป็นกล่องของพวกเขาเอง หลังจากนั้นผู้กำกับจะถามคำถาม ง่ายๆ เช่น ใครเคยเป็นตัวตลกของห้องเรียน? ใครเป็นพ่อ-แม่เลี้ยง? ใครชอบเต้นบ้าง? ซึ่งผลลัพธ์คือ เราไม่ได้อยู่ในกล่องๆไหนไปตลอดกาล แต่เราต่างมีประสบการณ์แบ่งปันร่วมกันต่างหาก เพราะสุดท้ายแล้ว เราเองก็มีความเป็นมนุษย์ไม่แตกต่างกันเลย
#weaccept – AirBnb*
โฆษณานี้เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากตั้งแต่ Superbowl 2017 ที่ผ่านมา สังเกตได้จาก จำนวน Dislike และ Like ที่แทบจะพอๆกันเลยใน Youtube เพราะแบรนด์ Airbnb เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ออกตัวแรง ในการตอบโต้ กับนโยบายกีดกันการเดินทางเข้าประเทศ และการเข้าทำงานของชาวต่างชาติ ด้วย Message แรงที่ว่า “We believe no matter who you are, where you’re from, who you love or who you worship, we all belong. The world is more beautiful the more you accept.” พวกเราเชื่อว่า ไม่ว่าคุณเป็นจะเป็นใคร มาจากไหน ไม่ว่าคุณจะรัก หรือเทิดทูนบูชาใคร เราก็ต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน โลกจะสวยงามขึ้น ถ้าคุณยอมรับในความแตกต่าง ซึ่งการยอมรับในความแตกต่าง ไม่เพียงแค่เป็นคำในโฆษณาคลิปนี้เท่านั้น แต่เป็นเหมือนปรัชญาการทำธุรกิจ ของ AirBnb เลยก็ว่าได้
Expedia
โฆษณาจาก Expedia ตัวนี้ออกอากาศท้าทาย โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่วินาทีแรก ที่รับตำแหน่งเลยทีเดียว เพราะออกอากาศในช่วงถ่ายทอดสดพิธีการขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดี พวกเขามาด้วย Message ที่ว่า “Travel the world better”แค่คุณออกท่องเที่ยว คุณก็สามารถทำให้โลกดีขึ้นได้ ตัวหนังถูกถ่ายทำออกมาอย่างงดงาม ในโลเคชั่นหลากหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ผ่านการเดินทางของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทุกการท่องเที่ยวของเธอ ได้เปลี่ยนจากการเที่ยวเพื่อตนเอง ไปเป็นเที่ยวเพื่อคนอื่น จากการออกช่วยเหลือผู้คนในที่ต่างๆมากมาย ฉากที่ผู้คนถกเถียงกัน คงหนีไม่พ้นฉากที่ผู้หญิงคนนี้ กำลังช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ซึ่งถือเป็นการแสดงจุดยืน ต่อเรื่องนี้ อย่างชัดเจน
สงครามทางความคิดระหว่างผู้คนทั้ง 2 ฝ่าย ฝั่งซ้าย(Liberal) และขวา(Conservative) ยังไม่จบสิ้นแน่นอน เพราะขนาดประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มทำหน้าที่ได้ไม่กี่เดือน ก็เกิดการถกเถียงกันอย่างมากมาย เราในฐานะคนไทย อาจจะทำหน้าที่ได้แค่เอาใจช่วย ให้ประเทศสหรัฐฯสามารถก้าวผ่านพ้นปัญหาต่างๆได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับแบรนด์ ปัญหาครั้งนี้สามารถเป็นตัวอย่างให้เราศึกษาการรับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองต่างๆ ที่แบรนด์ใหญ่น้อย ต้องเจอในช่วงนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และรับรองว่า จะต้องมี Case study รูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
NYTIME
ส่วนแคมเปญที่สร้างความเดือดดาลให้ โดนัลด์ ทรัมป์ได้มากที่สุดคงต้องเป็นแคมเปญนี้ เมื่อ NY TIMES ออกตัวมาวิพากษ์วิจารณ์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างเจ็บแสบ ด้วยคำว่า “TRUTH” เพราะคำว่า “The Truth is” หรือ “ความจริงก็คือ…” เป็นคำพูดติดปากของทรัมพ์ เมื่อเขาจะออกมาพูดอะไรสักอย่าง แต่ปัญหาก็คือ ความจริงของโดนัลด์ ทรัมพ์ มันเป็นความจริงที่ไม่จริงเอาซะเลย มักจะเป็นความจริงผิดๆ ที่เขาฟังมาจากช่องเคเบิ้ล ทีวีของเขาเท่านั้น งานนี้สร้างสรรค์โดย เอเจนซี่ตัวจี๊ดอย่าง Droga5 ที่นำคำว่า The truth มาตีความใหม่ ให้คนฉุกคิดมากขึ้นว่า สรุปแล้ว “ความจริงคืออะไรกันแน่” และผู้คนก็ต้องนำมาคิดกันใหม่ว่า โดนัลด์ ทรัมพ์ จริงๆแล้วเขาพูดความจริงอะไรบ้าง? Nytime ออนแอร์โฆษณานี้ ระหว่างการประกาศรางวัลออสการ์ ซึ่งเรียกความสนใจได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีสื่ออื่นเช่น บิลบอร์ด และ ลงแบบ Full Page ในหนังสือพิมพ์ Ny Time เอง
สร้างความเดือดดาลได้ขนาดไหน ก็ต้องดู ปฏิกิริยาของ โดนัลด์ ทรัมพ์เอง ที่ถึงขั้นลงมา Tweet ตอบโต้เองเลยทีเดียว
สงครามทางความคิดระหว่างผู้คนทั้ง 2 ฝ่าย ฝั่งซ้าย(Liberal) และขวา(Conservative) ยังไม่จบสิ้นแน่นอน เพราะขนาดประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มทำหน้าที่ได้ไม่กี่เดือน ก็เกิดการถกเถียงกันอย่างมากมาย เราในฐานะคนไทย อาจจะทำหน้าที่ได้แค่เอาใจช่วย ให้ประเทศสหรัฐฯสามารถก้าวผ่านพ้นปัญหาต่างๆได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับแบรนด์ ปัญหาครั้งนี้สามารถเป็นตัวอย่างให้เราศึกษาการรับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองต่างๆ ที่แบรนด์ใหญ่น้อย ต้องเจอในช่วงนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และรับรองว่า จะต้องมี Case study รูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เรื่อง : Nutt V.