บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง ส่งแบรนด์ LIFE สู่ตลาด เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2549 ด้วยโครงการ LIFE ท่าพระ โดยตอนนั้นวาง Brand Positioning ให้ LIFE เป็นคอนโดมิเนียมที่เต็มไปด้วยความสนุก ภายใต้คอนเซ็ปต์ ENJOY YOUR LIFE ใช้สีที่สดใสเป็น Gimmick เพื่อสื่อสารถึงบุคลิคของแบรนด์ที่ทันสมัย สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Gen Y อายุระหว่าง 25 – 35 ปี เป็นกลุ่มคนที่เริ่มต้นทำงาน มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่สนุกสนาน (Work Hard Play Hard) แต่วันนี้ AP ปรับแบรนด์ LIFE ครั้งใหญ่สู่คอนเซ็ปท์ “PLATFORM OF SUCCESS“ นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาด
คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เริ่มต้นอธิบายถึงแนวคิดการรีแบรนด์ในครั้งนี้ว่า “ก็เป็นธรรมดาของแบรนด์ที่มีอายุ 11 ปีแล้ว สภาพแวดล้อมทางการตลาด ผู้บริโภคก็มีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ที่ผ่านมาเราก็ได้รับคอมเมนต์ที่เป็นประโยชน์จากลูกค้า ดังนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องทำอะไรใหม่ๆ“
ใครคือลูกค้าตัวจริง…
หลังจากนั้น AP ต้องทำการบ้านอย่างหนัก โดยเริ่มต้นถามตัวเองว่า “จริงๆ แล้วลูกค้าของ LIFE คือ ใครกันแน่?” จนได้คำตอบมาว่า ปัจจุบันลูกค้าของ LIFE คือ คนเมืองที่กำลังก้าวหน้าในการทำงาน ทำงานหนักแต่ก็ให้ชีวิตสุดเหวี่ยงสไตล์ Work Hard/ Play Hard อินไซต์ที่มองหาความสำเร็จทั้งเรื่องงานและชีวิต ซึ่งเวลาที่ AP พัฒนาโครงการก็จะคิดตามพื้นฐานของผู้อยู่อาศัย เมื่อเป็นเช่นนี้ AP จึงปรับ Brand Positioning ให้กับ LIFE 2017 ภายใต้แนวคิดที่ว่า “PLATFORM OF SUCCESS” เพื่อให้ LIFE เป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพที่สมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน สนับสนุนการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่สู่ความสำเร็จ ผ่าน 2 วิธีคิดสำคัญของคนเมืองในยุคปัจจุบัน คือ 1. In-Control ทุกองค์ประกอบในการพัฒนา LIFE CONDO ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกและควบคุมได้ด้วยตนเอง และ 2. Connected World การจัดเตรียมระบบโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเชื่อมต่อโลกดิจิตอลได้ทุกที่ทุกเวลาตลอดการอยู่อาศัยใน LIFE CONDO
เข้าสู่ยุคดิจิทัลที่คอนโทรลได้เอง
LIFE มิติใหม่จะประเดิมเปิดเป็นโครงการแรกในปีนี้ คือ LIFE ลาดพร้าว นำเสนอคอนเซ็ปท์ของแบรนด์ LIFE ออกสู่ตลาด แค่ทำเล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเลือกซื้อคอนโดมิเนี่ยมก็ต้องบอกว่าเด็ดจริง เพราะอยู่ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสที่กำลังสร้างและจะเสร็จในปี 2563 พร้อมๆ กับที่ตัวคอนโดฯ จะเสร็จในระยะไม่เกิน 10 เมตร เมื่อรถไฟฟ้าเสร็จก็จะกลายเป็นสะพานข้ามไปเซ็นทรัล แถมยังพรั่งพร้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้แยกลาดพร้าวที่ไปทำให้เดินทางไปเส้นวิภาวดี, พหลโยธิน, ลาดพร้าวได้ง่ายทั้งหมด
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องทำเลเท่านั้น LIFE ลาดพร้าว ยังเป็นคอนโดมิเนี่ยมแรก ที่ AP พัฒนาด้วย Key Difference 4 ประเด็นหลัก
1. i-FACILITY
2. i-CONTROL
3. i-SPACE
4. i-CONNECTED
เรามาเริ่มต้นกันที่ i-FACILITY พื้นที่ส่วนกลาง เช่น Lobby, ห้องสมุด และบริเวณ Roof Top ที่จากเดิมจะเป็นโถงกว้าง ก็มีการออกแบบใช้ฉากกั้น แล้วติดตั้งระบบอิเลกทรอนิคส์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟ, ระบบ WiFi ทำให้นั่งทำงาน พูดคุยกับเพื่อนได้เลย ที่พิเศษยิ่งกว่านั้นก็คือ สวน ที่เป็นตัวเชื่อมอาคาร 2 ตึกด้วยกัน ก็มี WIFI ที่บริเวณดังกล่าว ทำให้กลายเป็น Outdoor Lobby ซึ่งถ้าอากาศดีๆ ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานหรือนั่งเล่นโทรศัพท์ที่เก๋ไม่หยอก
i-CONTROL นี่ต้องถือว่าเป็นไฮไลต์ของโครงการนี้เลยทีเดียว ปัจจุบัน AP พัฒนาแอปพลิเคชั่นให้ลูกบ้านได้ใช้ ซึ่งแอปพลิเคชั่นนี้ไม่ใช่แค่เป็น Communication Application เพื่อการสื่อสารติดต่อกับนิติบุคคล หรือแจ้งข่าวสาร เท่านั้น แต่ยังใช้ควบคุมเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อขับรถเข้ามาในที่จอดรถจากเดิมต้องใช้คีย์การ์ดแตะเพื่อเปิดไม้กั้น ก็เพียงแค่มีแอปฯ นี้ก็สแกนเข้าบริเวณที่จอดรถหลักการทำงานคล้ายๆ กับเวลาเราใช้บัตรสมาร์ดพาสขึ้นทางด่วน ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องยื่นมือออกมานอกตัวรถ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยได้อีก หรือใช้เพื่อเปิดประตูห้องของตัวเอง นอกจากนี้สำหรับลูกค้าที่เน้นลงทุน แอปพลิเคชั่นดังกล่าวก็ช่วยให้บริหารจัดการผู้เช่าต่อได้ เช่น ล็อคไม่ให้เข้าห้อง หรือเปิดประตูเมื่อมีลูกค้าสนใจชมห้อง
AP ใช้ระบบนี้เป็นครั้งแรกที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้ แต่ก็จะพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่นขึ้นเรื่อยๆ และนำไปใช้ในโครงการภายใต้แบรนด์ LIFE ที่จะเปิดใหม่ต่อไป โดยปีนี้ตั้งเป้าว่าจะเปิดตัวอีก 2 โครงการ
i-SPACE ด้วยข้อจำกัดในเรื่องที่ดิน ซึ่งที่ดินสวยๆ ทำเลเด่นในกรุงเทพราคาถีบตัวสูงขึ้นมา ทำให้ผู้พัฒนาคอนโดมิเนี่ยม ต้องหาวิธีที่จะทำให้พื้นที่แต่ละยูนิตสามารถตอบสนองความต้องการของลูกบ้าน สำหรับโครงการนี้ AP มีตัวเลือกเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร และห้อง 2 ห้องนอน 75 ตารางเมตร โดยลูกค้าสามารถปรับแต่งห้องได้หลากหลายสไตล์หลากหลาย layout
ไม่เพียงเท่านี้ AP ยังมีการออกแบบหน้าต่างที่โถงทางเดินใหม่ AP Corridor Window Innovation ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในวงการคอนโดมิเนียมไทยที่นำเสนอนวัตกกรมนี้ โดยเอพีได้คิดค้นและพัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อมุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าเอพี ด้วยการผสานวิธีในเชิงวิศวกรรมเข้ากับงานสถาปัตยกรรม เกิดผลลัพธ์เป็นหน้าต่างรูปแบบพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของเอพี ที่ช่วยให้อากาศในแต่ละชั้นมีการถ่ายเทหมุนเวียนตามธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมง สร้างความโปร่ง โล่ง สบาย หลักการออกแบบเป็นอย่างไร ไปรับชมจากวิดีโอนี้กัน
มาถึงเรื่องหลักของการเลือกคอนโดมิเนียม กับแนวคิด i-CONNECTED ที่ “ทำเล” ของโครงการนี้ทำให้การเชื่อมต่อชีวิตเป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่ใช่แค่ใกล้รถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายที่ต้องถือว่าใกล้สุดๆ เพียง 1 ก้าวจากโครงการเท่านั้น ซึ่งนอกจากรถไฟฟ้า BTS แล้วมีรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินที่อยู่ในระยะ 450 เมตร ซึ่งถ้าหากเดินจริงๆ ก็อยู่ในระยที่สามารถเดินได้ไหวอยู่ ยิ่งถ้าเดินทางช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเปิดแล้ว เดินทะลุยูเนี่ยนมอล์ ก็ถือว่าตากแอร์และย่นระยะทางไปได้อีก หรือการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งถึงแม้ตรงนั้นการจราจรจะหนาแน่นแต่ก็แลกกับการที่เชื่อมสู่ถนนเส้นหลักถึง 3 ถนนทั้งพยลโยธิน, ลาดพร้าว และวิภาวดี ซึ่งวิ่งต่อไปก็จะขึ้นทางด่วนดินแดง กึ่งกลางของทางด่วนทั่วกรุงเทพ
LIFE 2017 เกิดขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อทุกมิติของการดำเนินชีวิตในเมืองยุคดิจิทัลตลอด 24 ชั่วโมง ดึงเอาเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง เพิ่มความสะดวกสบาย ทุกอย่างควบคุมได้เพียงปลายนิ้ว ซึ่งเชื่อได้ว่าลูกบ้านที่อยู่ LIFE ในยุคนี้คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเหล่านี้ 100% อยู่แล้ว
นับว่าเป็นอีกก้าวของ AP ที่หลังจากได้พาร์ทเนอร์อย่าง “มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป” (MEC) เข้ามาผนึกกำลัง ก็รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว หลังจากปีที่แล้วก็ปรับโฉมแบรนด์ RHYTHM ไปแล้วด้วยโครงการที่เอกมัย และสร้างกระแสปิดจองได้อย่างรวดเร็ว สำหรับ LIFE ลาดพร้าวก็น่าจะประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน เมื่อมียอดลงทะเบียนสนใจโครงการราว 3,000 กว่ารายแล้วก่อนที่จะเปิด PRE-SALE ในวันที่ 20-21 พฤษภาคมนี้ หากสนใจสามารถลงทะเบียนรับข้อมูลและสิทธิพิเศษของ LIFE ลาดพร้าวได้ที่ https://goo.gl/Ng4Ju6 หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1623