ไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่ปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่คอนโดฯ มากขึ้น เพราะความสะดวกในการเดินทาง รวมทั้งชอบอยู่แบบมีความเป็นส่วนตัว ทำให้เกิดโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง ส่งผลต่อดีมานด์ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่ขยายตัวตามมา ประกอบกับความต้องการเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ก็มีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะจุดเด่นในการประหยัดพื้นที่มากกว่าเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว จากข้อจำกัดของพื้นที่ใช้สอยภายในคอนโด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้อาศัยให้ความสำคัญมากเช่นกัน
ขณะที่ความเป็นส่วนตัวที่มีสูงมากขึ้นของคนรุ่นใหม่ จะชื่นชอบของที่ทำมาแบบเฉพาะตัวเอง ไม่ใช่ของที่มีเหมือนกันแบบทั่วๆ ไป ไม่เว้นแม้แต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ที่ส่วนใหญ่มักมองหาของที่เหมาะกับห้องตัวเอง และต้องเป็นแบบที่ตัวเองชื่นชอบ ทั้งสี ขนาด และฟังก์ชั่นในการใช้งาน ทำให้การทำตลาดแบบ Personalize ในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์เริ่มเติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พื้นที่จำกัด ต้องสั่งตัด Customize
คุณเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ และ คุณพิชพิมพ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ จำกัด ให้ข้อมูลร่วมกันว่า แนวโน้มลูกค้าที่เดินเข้ามาถามหาเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่นอกเหนือจากที่วางขายอยู่ทั่วไป เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมกับห้องและความขอบของตัวเองมีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในแต่ละปี โดยเฉพาะในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ Built-in เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่คอนโดฯ ที่มีพื้นที่จำกัด แม้ที่ผ่านมาจะมีเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ให้ลูกค้าเลือกได้ แต่จะเป็นในลักษณะ ที่เรียกว่า Modular Customization คือเป็นแบบที่มีการขึ้นรูปหรือทำไว้สำเร็จตามแบบที่มีอยู่ไว้ในสต็อก เพื่อนำไปประกอบหรือต่อเข้ากับส่วนต่างๆ ภายในห้องเท่านั้น
“การ Customization เฟอร์นิเจอร์แบบที่ผ่านมายังไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบถ้วนจริงๆ เพราะแบบที่ทำไว้ บางครั้งยังใหญ่ไป เล็กไป สีไม่เข้ากับห้อง ฟังก์ชั่นการใช้งานไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ลูกค้า รวมทั้งยังไม่สามารถใช้พื้นที่ที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดมากพอ แต่หากจะให้ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์ลูกค้าก็ต้องไปให้บริการบริษัทรับเหมาซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก รวมทั้งยังแก้แบบได้อย่างจำกัด ใช้เวลานาน และยังไม่สามารถทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอนได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่ลูกค้าหลายๆ คนที่ต้องการตกแต่งบ้านต้องพบเจอมาโดยตลอด”
อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ จึงพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ที่ชื่อว่า ยูนีค (YOUNIQUE) เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ด้วยการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า Built-in 4.0 มาให้บริการลูกค้าที่ต้องการออกแบบและตกแต่งห้องสะดวกมากขึ้น ลดปัญหา ลดขั้นตอนการทำงาน และลดค่าใช้จ่ายลง เพราะใช้เทคโนโลยีในการออกแบบห้องตัวอย่างด้วยระบบ 3 มิติ ทำให้เลือกรูปแบบและดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้ตามที่ต้องการทั้งสี ขนาด ดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ภายใต้การดูแลของ Personal Designer ที่คอยให้คำปรึกษา และปรับแก้ไขแบบจนกว่าลูกค้าจะพอใจ พร้อมทราบราคาที่ต้องจ่ายอย่างแน่นอน ภายในไม่ถึง 1 นาที ก่อนจะสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายใน 30 วัน และใช้เวลาในการติดตั้งหน้างานให้เสร็จได้ภายใน 1 วันเท่านั้น
“ค่าบริการของยูนีคโดยรวมจะถูกกว่าการใช้บริษัทรับเหมาประมาณ 20% รวมทั้งความรวดเร็วและไม่จำกัดจำนวนในการแก้แบบ ขณะที่เฟอร์นิเจอร์จะเป็นการผลิตแบบ Tailor Made ทุกชิ้น เพื่อให้ได้แบบ สี ขนาด และใช้งานได้ตามที่ลูกค้าต้องการจริงๆ ถือเป็นครั้งแรกในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่มีการให้บริการในรูปแบบนี้ รวมทั้งจุดเด่นในเรื่องของ Space Utilization ที่สามารถออกแบบได้แบบไม่มีพื้นที่เหลือโดยไร้ประโยชน์ รวมทั้งสามารถปรับพื้นที่ใช้สอยจาก 35 ตารางเมตร ให้มากขึ้นได้ จนเทียบเท่ากับห้องที่มีขนาด 53 ตารงเมตรเลยทีเดียว”
จับช่องว่างระหว่าง ซื้อสำเร็จ-จ้างผู้รับเหมา
จุดเด่นและแตกต่างของยูนีคช่วยตอบโจทย์ Pain Point ให้ผู้บริโภค ทั้งงบที่มีจำกัด ทำให้ไม่กล้าเลือกแบบหรือแก้แบบให้เป็นไปตามที่ต้องการ ไม่สามารถหาเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นตรงกับความต้องการใช้งานจริง หรือไม่สามารถหาเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ สี หรือแบบเข้ากับห้องที่อยู่ แต่ที่ยูนีคมีรูปแบบเฟอร์นิเจอร์มากกว่า 1 ล้านแบบให้เลือกได้อย่างไม่จำกัด คำนึ่งถึงการบริหารพื้นที่ให้มีประโยชน์สูงสุดในราคาแน่นอนตามที่ตกลง โดยไม่ต้องกลัวงบบานปลาย รวมทั้งได้งานแบบมืออาชีพในราคาที่ถูกกว่าการจ้างบริษัทรับเหมา โดยรองรับทั้งกลุ่มคนที่อยู่คอนโดฯ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือจะ Built-in เพียงบางจุด ไม่ต้องทำใหม่ทั้งห้องก็ได้เช่นกัน โดยใช้งบประมาณเบื้องต้นประมาณ 5 พันบาทต่อตารางเมตร ขณะที่ราคาผู้รับเหมาจะเริ่มต้นไม่น้อยกว่า 7 พันบาทต่อตารางเมตร
ปัจจุบันยูนีคเปิดให้บริการสาขาแรกที่อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ สาขาพระราม 2 ก่อนจะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมในอีก 4 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ โดยเบื้องต้นจะเน้นการขยายสาขาใน กทม. ก่อนเป็นอันดับแรก และจะทยอยเปิดให้ครบทั้ง 28 สาขา ภายในกลางปีหน้า ด้วยงบลงทุนแห่งละ 5-6 ล้านบาท หรือโดยรวมประมาณ 100 -150 ล้านบาท พร้อมทั้งจะขยายการให้บริการยูนีคไปในสาขาใหม่ๆ ของอินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมออล์ ที่จะมีการเปิดให้บริการเพิ่มเติมมากขึ้นในอนาคต
ขณะที่การตอบรับจากผู้บริโภค ทางอินเด็กซ์ฯ ค่อนข้างมั่นใจโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเมือง และส่วนใหญ่จะอยู่คอนโดฯ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยจำกัด ประกอบกับข้าวของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ของผู้บริโภคต่างมีจำนวนมากและหลากหลายยิ่งขึ้น จึงต้องการพื้นที่ในการจัดเก็บมากขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่มีความเป็น Individual หรือ Personalize สูงขึ้น ทำให้ยูนีคเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ ด้วยระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยตั้งเป้ายอดขายภายในปีหน้ารวม 800 ล้านบาท และทะลุ 3 พันล้านบาทได้ ภายใน 3 ปี หรือมีสัดส่วนราว 6-8% ของรายได้รวมทั้งบริษัท