HomeSponsored3 เทคนิค ทำให้ “คุณ” เป็น “ฟรีแลนซ์” แบบมืออาชีพ

3 เทคนิค ทำให้ “คุณ” เป็น “ฟรีแลนซ์” แบบมืออาชีพ

แชร์ :

งานหายาก แต่สิ่งหายากกว่า คือ ความมั่นคง ปัจจุบันโลกของการทำงานมีการแข่งขันสูง กว่าจะได้งานอย่างที่ต้องการ อาจต้องแลกมาด้วยความไม่แน่นอนหลายอย่าง งานดีเงินไม่ดี เงินไม่ดีงานดี งานดีเจ้านายไม่ดี งานดี้ดีแต่เพื่อนร่วมงานไม่ดี ที่ทำงานก็ดีแต่สวัสดิการไม่ได้ สุดท้ายหลายคนเลยทำงานแบบฟรีแลนซ์เพื่อความสบายใจ ถึงความมั่นคงจะสู้มนุษย์เงินเดือนไม่ได้ แต่กลับเป็นอาชีพที่คนรุ่นใหม่หันมาเลือกเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเป็นอันดับต้นๆไปแล้วในวันนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คนที่เข้ามาสู่วงการฟรีแลนซ์มักจะรู้ดีว่าที่จริงแล้วฟรีแลนซ์เองก็มีปัญหาเฉพาะตัว ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างไปจากพนักงานประจำ และ 3 สิ่งที่มักจะไม่ค่อยไปด้วยกันสำหรับฟรีแลนซ์คือ เงิน งาน และ สุขภาพ บางครั้งต้องโหมรับงาน เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าในอนาคตจะมีงานเข้ามามากน้อยแค่ไหน อาจส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพ ซึ่งก็จะทำให้รับงานได้น้อยลง และยังต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลอีก

เพื่อให้ฟรีแลนซ์สามารถจัดการชีวิตได้ดีขึ้น K-Expert บริการที่ปรึกษาการเงิน ธนาคารกสิกรไทย จึงจัดงาน “ยอดมนุษย์ฟรีแลนซ์ เหนื่อยนัก ก็พักได้” สำหรับชาวฟรีแลนซ์โดยเฉพาะ และได้เชิญ 2 ฟรีแลนซ์ตัวท็อปของประเทศอย่าง เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับชื่อดัง และ ปอมชาน-ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง นักวาดภาพประกอบระดับโลก มาให้คำแนะนำสำหรับมนุษย์ฟรีแลนซ์ฉบับโปรกับ  3 สิ่ง “งานตรึม เงินเต็ม เจ็บไม่จน” เพื่อสร้างสมดุลชีวิตฟรีแลนซ์

1.งานตรึม จะเกิดขึ้นได้มาจากหลายด้าน เช่น การให้ความสำคัญของการสร้าง connection การจัดระเบียบชีวิต และการบริหารเวลา รวมถึงการจัดการกับลูกค้า และการสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง

เต๋อ-นวพล แนะนำว่า งานฟรีแลนซ์ต้องเน้นคุณภาพไว้ก่อน แม้ช่วงแรกอาจติดขัดเรื่องรายได้อยู่บ้าง แต่เมื่อลูกค้าเห็นว่าผลงานมีคุณภาพก็มักจะส่งงานชิ้นต่อๆ ไปมาให้ และอาจยังบอกต่อไปยังเพื่อนในวงการอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ก้าวกระโดดได้รวดเร็ว

ส่วนปอมชานได้ให้เทคนิคสำหรับ การหาลูกค้าว่าต้องวางแผนอย่างเป็นระบบ ต้องทำความรู้จักลูกค้าว่าต้องการผลงานแบบไหน หากตรงกับสไตล์ของเราจึงเข้าไปติดต่อ ทำให้มีโอกาสได้งานสูง ซึ่งแนวคิดนี้เรียกว่า Reverse Funnel หรือ กรวยคว่ำ คือเลือกติดต่อลูกค้าที่มีแนวโน้มที่จะชอบผลงานของเราไปเลย แทนที่จะหว่านแหลูกค้าไปรวมๆ ซึ่งวิธีนี้ต้องเข้าใจในหลักการ 10%  นั่นคือในการส่งผลงานของเราออกไปหา 200 คน จะมี 10% หรือ 20 คนที่ติดต่อกลับมา และจะมี 10% หรือ 2 คนที่เป็นลูกค้าเรา  เรียกได้ว่า รักจะเป็นฟรีแลนซ์ต้องขยันหาลูกค้าให้ได้อย่างสม่ำเสมอ

2.เงินเต็ม เงินของฟรีแลนซ์มาจากปริมาณงานที่ทำก็จริง แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าฟรีแลนซ์ก็ใช้เงินทำงานได้เช่นกัน ดังนั้น อย่าเน้นเก็บเงินอย่างเดียวจนเสียโอกาสลงทุน

แต่ก่อนจะไปถึงขั้นลงทุน K-Expert แนะนำว่า เงินก้อนแรกที่ฟรีแลนซ์และทุกคนต้องมีคือ “เงินสำรองฉุกเฉิน” ที่ควรกันไว้ประมาณ 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน สำหรับในช่วงฉุกเฉิน เช่น งานไม่เข้า หรือเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ตามเวลา โดยเงินก้อนนี้ควรเก็บในบัญชีเงินฝากหรือกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนรวมตลาดเงิน

เมื่อกันเงินสำรองไว้แล้ว จึงค่อย “สร้างรายได้สม่ำเสมอด้วยการลงทุน” เพราะเมื่อรายได้ของฟรีแลนซ์ไม่แน่นอน การลงทุนในสินทรัพย์การเงินจึงเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เช่น ลงทุนในหุ้นปันผล หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงคอนโดฯปล่อยเช่า ทั้งนี้ ก่อนลงทุนควรศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ลงทุนให้ดี ทั้งรูปแบบการจ่ายผลตอบแทน และระดับความเสี่ยง เพื่อเลือกประเภทการลงทุนที่เหมาะกับตัวเรา

และเรื่องสำคัญอีกเรื่อง คือ “เก็บเงินเกษียณ” แม้ว่าฟรีแลนซ์ไม่มีอายุเกษียณแบบมนุษย์เงินเดือน หากยังมีแรงทำงาน ก็รับงานได้เรื่อยๆ แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็อาจรับงานได้น้อยลง หรืออยากพักผ่อนใช้ชีวิตสบายๆ ยามบั้นปลาย จึงต้องเตรียมตัวเก็บเงินแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่า ยามเกษียณจะมีเงินเพียงพอใช้จ่าย สำคัญที่สุดคือ ไม่ควรเก็บออมในเงินฝากเพียงอย่างเดียวจนเสียโอกาสลงทุน เพราะการไม่ลงทุนเลยจะมีความเสี่ยงที่น่ากลัวกว่า คือ เสี่ยงที่เงินจะเติบโตไม่ทันกับราคาสินค้าที่แพงขึ้น ทำให้มีโอกาสเงินไม่เพียงพอใช้จ่ายในอนาคตได้

 

3.เจ็บไม่จน ต้องรู้ว่าควรจะทำอย่างไรเมื่อป่วยแล้วยังมีเงิน และควรรู้วิธีการเลือกประกันให้เหมาะสมและครอบคลุม นั่นเพราะสำหรับคนเป็นฟรีแลนซ์ ถ้าเจ็บป่วย ไม่มีแรงทำงานขึ้นมาก็ไม่มีเงิน แถมฟรีแลนซ์เองก็ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาล ต้องควักเงินตัวเองจ่ายเป็นค่ารักษาเต็มๆ

แนวทางที่จะช่วยบรรเทาค่ารักษาพยาบาล คือ การทำประกัน โดยประกันที่แนะนำ คือ “ประกันสุขภาพ” เสมือนจ่ายเงินก้อนเล็กๆ เตรียมไว้เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่ก้อนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น และ “ประกันชดเชยรายได้” เพื่อเพิ่มความอุ่นใจ เพราะหากต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ทำงานไม่ได้ หรือรับงานไม่ไหว ก็จะมีประกันจ่ายเงินชดเชยให้ตามจำนวนวันที่นอนโรงพยาบาล เป็นการแบ่งเบาค่าใช้จ่าย แบบนี้จึงจะเรียกได้ว่า “เจ็บไม่จน”

สำหรับ K-Expert  คือ บริการที่ปรึกษาการเงิน ธนาคารกสิกรไทย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องการเงินโดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังได้เปิด K-Expert Center ศูนย์บริการให้คำปรึกษาด้านการเงิน บนชั้น 2 อาคารจามจุรีสแควร์ เพื่อให้คำปรึกษาเจาะลึกเป็นรายบุคคล โดยทีม K-Expert ผู้เชี่ยวชาญมาตรฐานระดับ CFP (Certified Financial Planner) ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และเข้าใจความต้องการของลูกค้า ที่จะเป็นผู้ช่วยคิด คอยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ K-Expert ประจำที่ศูนย์ตลอด ทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ และมีการจัดกิจกรรม Workshop ทั้งด้านการเงิน การออม การลงทุนและหัวข้อหลากหลายไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ทุกเป้าหมายเป็นจริงได้ง่ายขึ้น ผ่านแนวคิด “ช่วยคิดทุกเรื่องการเงิน”

เหล่ามนุษย์ฟรีแลนซ์คนไหนสนใจต้องการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตเพิ่มขึ้นสามารถเข้าไปทดลองใช้บริการดีๆนี้ได้ K-Expert ที่ปรึกษาการเงิน ธนาคารกสิกรไทยพร้อมให้บริการทุกเมื่อ

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ K-Expert คลิก https://goo.gl/UNRQDv

#KExpert #Freelance #ยอดมนุษย์ฟรีแลนซ์เหนื่อยนักก็พักได้ #งานตรึมเงินเต็มเจ็บไม่จน

[Advertorial]


แชร์ :

You may also like