หนึ่งธุรกิจที่บ่มเพาะมาจากสตาร์ทอัพ จนตอนนี้ครบ 3 ปีเต็ม พร้อมสเกลธุรกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้น และแข็งแรงจนสามารถหยั่งรากในตลาด On Demand Delivery ได้อย่างมั่นคงแล้ว
ปีที่ผ่านมาลาล่ามูฟ (Lalamove) มีรายได้จากการให้บริการ On Demand Delivery Provider รวมราวๆ 120 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้เติบโตได้สูงถึง 350% ทำรายได้แตะ 540 ล้านบาท พร้อมคว้าตำแน่งผู้นำในตลาด Food Delivery จากส่วนแบ่งในตลาดที่เจ้าของธุรกิจอาหารมากกว่า 60-70% เลือกที่จะเรียกใช้บริการจากลาล่ามูฟ ถือเป็นหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตา และน่าสนใจว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ลาล่ามูฟเติบโตได้รวดเร็วเช่นนี้
คุณชานนท์ กล้าหาญ กรรมการผู้จัดการลาล่ามูฟ ประเทศไทย กล่าวว่า การเติบโตของลาล่ามูฟมาจากหลายปัจจัยสนับสนุน ที่เด่นชัดที่สุดก็คงคงเป็น
1. การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
2.การให้บริการ Food Delivery ทำให้เจ้าของธุรกิจมองหา Delivery Provider ที่มีศักยภาพ เป็นโอกาสของผู้ให้บริการที่สามารถตอบโจทย์สิ่งที่กลุ่มธุรกิจหรือลูกค้าทั่วไปต้องกการ ภายใต้การให้บริการที่ดี ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและพึงพอใจ จนเรียกใช้บริการในครั้งต่อๆ ไป รวมทั้งแนะนำให้คนอื่นมาใช้บริการต่อด้วย
ในส่วนการเติบโตของตลาดสำคัญที่ขับเคลื่อนลาล่ามูฟ ทั้งฝั่งอีคอมเมิร์ซ และ Food Delivery สามารถเติบโตได้มากกว่า 15% ทั้งสองตลาด โดยเฉพาะธุรกิจจัดส่งอาหารที่มีมูลค่า 27,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพราะมีธุรกิจร้านอาหารหลายๆ รายที่เริ่มสนใจขยายช่องทางขายผ่านออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การเติบโตของธุรกิจอาหารโดยรวมเติบโตได้ราว 2-3% เท่านั้น เช่นเดียวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการประเมินไว้ว่าจะโตต่อเนื่องในปีหน้าได้ไม่น้อยกว่า 20% จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ให้บริการด้าน Logistic และ Delivery ที่มีโอกาสสร้างการเติบโตได้สอดคล้องกับทิศทางที่เกิดขึ้น
ลาล่ามูฟ เฉือนด้วย Speed & Service
แม้เพิ่งเข้าตลาดมาได้ 3 ปี แต่ลาล่ามูฟก็คว้าแชมป์ในธุรกิจ Food Delivery มาครองได้สำเร็จ ด้วยจำนวนรถจักรยานยนต์สำหรับให้บริการทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นคัน ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในธุรกิจประเภทเดียวกัน รวมทั้งความสามารถในการจัดส่งแบบ On Demand ที่รวดเร็วกว่าคู่แข่ง โดยลาล่ามูฟสามารถจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เร็วที่สุดในตลาดเช่นกัน
“เรามีจำนวนรถให้บริการที่มากที่สุดและสามารถจัดส่งได้รวดเร็วที่สุดในตลาดขณะนี้ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาทั้งเพิ่มโปรดักต์ในการให้บริการใหม่ๆ รวมทั้งลดระยะเวลาในการจัดส่งให้น้อยลงกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เราสามารถอยู่เหนือคู่แข่งได้ และเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดมาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มธุรกิจ ส่วนเป้าหมายในการลดระยะเวลาจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคได้เร็วยิ่งขึ้น ยังมีหลายองค์ประกอบที่ต้องคำนึงถึงทั้งจำนวนคนขับรถที่มีอยู่ในขณะนั้น จำนวนดีมานด์ออเดอร์ที่เข้ามา รวมทั้งสภาพการจราจรในแต่ละช่วงเวลาด้วย”
เมื่อเป็นตลาดที่เติบโตดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคู่แข่งสนใจและเข้ามาในตลาดจำนวนมาก ทำให้การแข่งขันในตลาดค่อนข้างแรง และส่วนใหญ่เลือกใช้กลยุทธ์ราคามาเป็นตัวดึงดูดลูกค้า ขณะที่ลาล่ามูฟให้ความสำคัญกับการพัฒนาการให้บริการ ทั้งระยะเวลาในการจัดส่งที่รวดเร็วและการให้บริการจากคนขับมากกว่าการชูเรื่องของราคามาเป็นจุดขาย แต่ก็ยังคงเลือกวางราคาไว้ในจุดที่แข่งขันได้เช่นกัน โดยบริการรถมอเตอร์ไซต์ เริ่มต้นที่ 48 บาท และคิดเพิ่ม กิโลเมตรละ 7.2 บาท ส่วนรถ 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 240 บาท คิดเพิ่มกิโลเมตรละ 12 บาท รวมทั้งรถปิคอัพ เริ่มต้น 450 บาท คิดเพิ่มกิโลเมตรละ 15 บาท
“การแข่งขันในธุรกิจขนส่งแบบ On Demand จะยิ่งรุนแรงขึ้น จะเห็นผู้เล่นหลายรายที่พยายามเข้ามาในธุรกิจนี้ ขณะที่ลาล่ามูฟค่อนข้างมั่นใจกับ Offer ต่างๆ ที่ให้กับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะการตอบโจทย์คนทำธุรกิจที่ต้องการส่งสินค้าให้ถึงมือผู้รับโดยเร็วที่สุด และเป็นหนึ่งในการสร้างจุดเด่นและความต่างให้กับธุรกิจที่ขายของในลักษณะเดียวกัน โดยพยายามตอกย้ำให้ผู้ใช้บริการเข้าใจและตระหนักถึงจุดเด่นและความได้เปรียบที่จะสร้างให้กับธุรกิจได้เพิ่มเติมจากเรื่องเหล่านี้ มากกว่าการมองแค่ปัจจัยในเรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว และนี่คือความท้าทายสำคัญของลาล่ามูฟด้วยเช่นกัน”
Next Step ที่ต้องโฟกัสทั้งกว้างและลึก
ในปีหน้า ลาล่ามูฟจะเพิ่มการให้บริการทั้งในเชิงลึกและกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนคนขับเพื่อให้สามารถบริการได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป้าหมายในการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่ลาล่ามูฟยังไม่เคยให้บริการมาก่อน รวมทั้งการเก็บความต้องการ ข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้มาจากลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการตาม Requirement ที่ได้จากลูกค้า รวมทั้งการมีแผนขยายบริการไปตามจังหวัดหลักๆ ให้มากขึ้น แต่จะเน้นทำอย่างสอดคล้องกับความสามารถที่ธุรกิจจะรองรับได้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อลูกค้าหากไม่สามารถให้บริการได้อย่างดีที่สุด
“หนึ่งความแตกต่างที่เราไม่เหมือนคู่แข่งคือ การมองว่าเราเป็นเสมือนตัวแทนของลูกค้าในการเข้าไปพบกับผู้บริโภคของเขา โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นพันธมิตร จึงต้องทำมากกว่าแค่การเป็น Delivery Provider เพื่อรักษา Image และ Positioning ของแบรนด์ที่เราเป็นตัวแทนในการนำสินค้าหรือบริการไปให้กับผู้บริโภคของธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ เพื่อสร้างให้ผู้บริโภครู้สึกพึงพอใจและใช้บริการจากแบรนด์หรือธุรกิจนั้นๆ ต่อ และจะส่งผลให้ลูกค้าเหล่านี้กลับมาใช้บริการจากเราอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”
ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้บริการลาล่ามูฟ จะเป็นกลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารที่มีสัดส่วนถึง 60% ที่ขยายตัวตามเทรนด์ด้านไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่เหลือจะเป็นกลุ่มธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการใช้บริการลาล่ามูฟ เช่น ซื้อสินค้า รับส่งเอกสาร เป็นต้น ขณะที่การให้บริการในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะให้บริการด้วยรถจักรยานยนต์เป็นหลัก เพื่อให้ตอบโจทย์ในเรื่องของความเร็ว รวมทั้งเหมาะกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ มากกว่า แต่หลังจากนี้ ลาล่ามูฟจะเร่งขยายบริการที่นอกเหนือจากรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสและรูปแบบในการขนส่งให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบางจุดที่รถจักรยานยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้
“เราจะเริ่มสร้างการรับรู้ไปสู่ภาคธุรกิจต่างๆ มากขึ้น รวมทั้งเตรียมพัฒนาระบบให้สามารถทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ได้อย่างสะดวก ด้วยการพัฒนาระบบที่รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลจากธุรกิจต่างๆ (API) เพื่อให้สามารถใช้บริการได้จากระบบของแต่ละธุรกิจได้โดยตรง โดยไม่ต้องมาเปิดผ่านแอพของลาล่ามูฟใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องและเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น”
ลาล่ามูฟตั้งเป้าการเติบโตในปีหน้าเช่นเดียวกับที่สามารถทำได้ในปีนี้ โดยเชื่อว่าจะโตได้อย่างน้อย 3-4 เท่าตัว เนื่องจาก หากประเมินจากทิศทางการขยายตัวของสองธุรกิจหลักที่มีส่วนผลักดันการเติบโตของลาล่ามูฟ รวมทั้งแผนในการขยายธุรกิจและพัฒนาการให้บริการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ลาล่ามูฟก็จะขึ้นแท่นเป็นสตาร์ทอัพพันล้านได้ภายในปีหน้าอย่างแน่นอน
เครดิตภาพ : landing.lalamove.net, Facebook: Lalamove