ด้วยพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เปิดรับจากหลายช่องทาง ทำให้การทำธุรกิจสื่อในวันนี้ จะพึ่งพาสื่อประเภทเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ต้อง Diversify มีเดีย เพราะฉะนั้นมาตรวัดความสำเร็จในการทำธุรกิจสื่อ และคอนเทนต์ในยุคนี้ ไม่ได้วัดกันที่แพลตฟอร์มเดียว ทว่าต้องดูภาพรวมของ “การผสานมีเดีย” แต่ละประเภทเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้คอนเทนต์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมมากขึ้น
ในบรรดาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 22 ช่องในปัจจุบัน ช่องที่มีความครบวงจร ทั้ง “มีเดีย” และ “คอนเทนต์” หนึ่งในนั้นคือ “GMM25” ถึงแม้เรตติ้งบนจอทีวี จะไม่ได้ติดท็อป 5 แต่ถ้าวัดผลในภาพรวมทุกมีเดียแล้ว จะพบว่าคอนเทนต์ต่างๆ ของ “GMM25” ได้การตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากลูกค้าซื้อสื่อโฆษณา และกลุ่มผู้ชม
สำหรับปี 2561 คาดการณ์กันว่าอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทย จะฟื้นตัวกลับมาสดใสจากปัจจัยบวกรอบด้าน และในส่วน “GMM25” ปีนี้แม่ทัพใหญ่ “คุณสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มีเดีย” หรือใครหลายคนเรียกว่า “พี่ฉอด” ได้เผยยุทธศาสตร์ใหม่โดยทุกกระบวนทัพจะอยู่ภายใต้แผน “Expand” มุ่งสร้าง 3 ประสานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้ง “On Air – Online – On Ground” พร้อมทั้งขยายคอนเทนต์ และขยายฐานผู้ชม เพื่อเข้าถึงคนที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยทั่วประเทศ และสร้างสรรค์โครงการเพื่อคนรุ่นใหม่ และเพื่อสังคม
ส่วนรายละเอียดของแผน “Expand” จะเป็นอย่างไรนั้น ไปเจาะลึกกัน…
ตอกย้ำความแข็งแกร่ง “สื่อครบวงจร” และสร้าง 3 ประสาน “On Air – Online – On Ground”
“GMM25” และ “Atime Media” ถือเป็นบริษัทที่มีกองทัพสื่อครบวงจรในที่เดียว ครอบคลุมทั้ง “On Air” มีทั้งทีวีดิจิทัล GMM25 และสื่อวิทยุ (Green Wave, EFM และวิทยุออนไลน์ Chill Online), “Online” ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม Website, Social Media, GMM25 Application และ AtimeOnline Application ซึ่งปัจจุบันแอปพลิเคชันของเอไทม์มียอดดาวน์โหลดสูงถึง 5.5 ล้านดาวน์โหลด ควบคู่ไปกับ “On Ground” มีทั้ง Atime Show Biz จัดการแสดงต่างๆ บริษัททัวร์ Atime Traveler และนำรายการที่เป็นที่นิยมไปจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาด เพื่อเพิ่มการรับรู้ของผู้บริโภคทั่วประเทศ ให้รู้จักช่อง และรายการเพิ่มขึ้น
“เราเป็นบริษัทเดียวที่มี “มีเดีย” แข็งแรง และครอบคลุมทั้ง On Air – Online – On Ground โดยแต่ละสื่อแข็งแรงด้วยตัวมันเอง ดังนั้นเมื่อนำมารวมกัน จะยิ่งสร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งในการเข้าถึงกลุ่มคนดู-คนฟังที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก และเป็นประโยชน์ในการสร้างแพ็คเกจขายโฆษณาให้กับลูกค้า โดยเราสามารถใช้สื่อทุกรูปแบบตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย
เช่น ลูกค้าอยากใช้มีเดีย สื่อสารแคมเปญไปยังกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันอยากมี Reward ให้กับผู้บริโภค ตรงนี้เรามี Atime Traveler สำหรับจัดกิจรรมท่องเที่ยวคืนกำไรให้กับผู้บริโภค หรือให้ Atime Showbiz จัดคอนเสิร์ตให้ หรือทำ Branded Content ผ่านละคร-ซีรีส์ ควบคู่ไปกับการทำออนไลน์” คุณสายทิพย์ เล่าถึงความได้เปรียบทางการแข่งขันของ GMM25 และบริษัทในเครือ Atime Media
ขยายกำลังการผลิต “ละคร-ซีรีส์” พร้อมเติมความหลากหลาย และปรับรูปแบบรายการข่าว
“คอนเทนต์” ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจสื่อ และคอนเทนต์ที่สร้างชื่อให้กับ “GMM25” มากที่สุดก็คือ ละคร และซีรีส์ เพราะฉะนั้นในปี 2561 ได้จัดเต็มละคร และซีรีส์ โดยในช่วง Prime Time ซึ่งเป็นช่วงละคร ออกอากาศเวลา 20.20 น. จะขยายเวลาให้ยาวขึ้น จากเดิม 1 ชั่วโมง 15 นาที เพิ่มเป็น 2 ชั่วโมง
พร้อมทั้งเพิ่มช่วงละครก่อนข่าว เวลา 18.20 น. ให้เป็นช่วง “Family Fun” ประเดิมด้วยซีรีส์จีน โปรดักชั่นระดับโลก เรื่อง “อภินิหารรัก เหนือบัลลังก์” (LOST LOVE IN TIMES) ที่มียอดวิวกว่า 10,000 ล้านวิว โด่งดังจนถูกนำไปสร้างเป็นเกมออนไลน์ และ เรื่อง “เทพบุตรนักสู้ พลิกลิขิตสวรรค์” (FIGHTER OF THE DESTINY) ที่ทุ่มทุนสร้างกว่า 2,000 ล้านบาท ยอดวิวกว่า 27,000 ล้านวิว และกำลังเตรียมการที่จะมีละครสนุกเพื่อคนดูกลุ่มครอบครัวในช่วงเวลานี้
นอกจากนี้ได้ขยายการผลิตละคร และซีรีส์ ให้มีหลากหลายประเภท ทั้งดราม่า แอ็คชั่น สยองขวัญ และโรแมนติก เพื่อให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงครบทุกอรรถรสในช่องเดียว
“สิ่งที่บ่งบอกความเป็นละคร และซีรีส์ของ GMM25 ได้อย่างชัดเจน คือ เราเป็นช่องที่อยู่กับเรื่องราวความเป็นจริงในชีวิต ยกตัวอย่าง “Club Friday” เมื่อทำในรูปแบบซีรีส์ที่ Based on true story ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงความเป็นจริงของชีวิต และมีเรื่องราวของวิถีทางที่จะแก้ปัญหา หรือใช้ชีวิต ซึ่งแตกต่างจากละครอื่นๆ ที่คนดูจะรู้สึกว่าถึงอย่างไรก็คือละคร
กระทั่งวันนี้ละครของช่อง GMM25 ขยายไปสู่การซื้อบทประพันธ์ แต่เรายังคงรักษาเอกลักษณ์ในการทำละครสไตล์เรา นั่นคือ ปรับให้เข้ากับยุคสมัย และอยู่บนความเป็นจริง หรือเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ทำให้ละครของ GMM25 แตกต่างจากละครช่องอื่น
อย่างเรื่องหลงไฟ ของคุณกฤษณา อโศกสิน เป็นเรื่องราวชีวิตของก้านแก้วที่เขียนขึ้นเมื่อ 20 – 30 ปีที่แล้ว แต่เมื่อนำกลับมาทำใหม่ เราปรับให้ก้านแก้วคือผู้หญิงในปัจจุบัน ที่มีความหลงใหลในวัตถุ ทำให้หลงไฟประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะเนื้อหาที่ Touch กับคนในยุคนี้”
ไม่เพียงแต่เพิ่มการผลิตละคร และซีรีส์เท่านั้น “GMM25” ได้พัฒนา “รายการข่าว” ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเสริมทัพผู้ประกาศข่าว และปรับรูปแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “ข่าว จริง ชัวร์” ทั้ง 3 ช่วงเวลา ทุกวันจันทร์ –ศุกร์ ได้แก่ รายการ “เช้าวันนี้ GMM News” เวลา 6.00 – 8.00 น. ได้ “ต๊ะ พิภู” มาร่วมเป็นผู้ประกาศข่าวอีกคน, รายการ “เที่ยงวันนี้ GMM News” เวลา 10.55 – 12.20 น. และ รายการ “ข่าวใหญ่ ไทยแลนด์” เวลา 15.10 – 16.30 น. กับผู้ประกาศข่าวใหม่ “เคนโด้ เกรียงไกรมาศ และ เก๋ กมลพร” ที่ร่วมทำงานกับเพจดังๆ มากมาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการทำข่าวแบบนี้
ขณะเดียวกันในส่วน “รายการบันเทิง” ปรับจากข่าวบันเทิง เป็น “วาไรตี้บันเทิง” ในชื่อ “เรื่องใหญ่ไฟกระพริบ” นำเสนอความบันเทิงหลากหลายความรูปแบบ นอกจากนี้ได้ปรับโฉมใหม่ ทั้งรายการ “แฉ” และ “สามแยกปากหวาน” พร้อมทั้งเปิดตัวรายการใหม่ “สมาคมพรหมจิ้น” นำเรื่องเพศศึกษามาทำเป็นควิซโชว์ถาม-ตอบ เพื่อให้ได้ทั้งความรู้และความสนุก
อีกทั้งยังได้ขยายคอนเทนต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ หรือความสนใจของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน เช่น เช็คดวงชะตา กับช่วง “เช้าเช็คดวงกับหมอช้าง” โดยหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา ในรายการข่าว “เช้าวันนี้ GMM News”, รายการออกกำลังกาย “Health Me Up คลับสุขภาพ” ไปจนถึงรายการธรรมะ “พบพระ พบธรรม” ที่ต้องการให้ข้อคิดและแรงบันดาลใจ ในรูปแบบที่เข้าใจและเข้าถึงง่าย
“ก่อนหน้านี้เราโฟกัสที่กลุ่มคนอายุ 15 – 34 ปี เป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย แต่จากการทำสำรวจ พบว่าวันนี้คำว่าคนรุ่นใหม่ คนทันสมัย ไม่ได้กำหนดที่ “อายุ” แต่เป็นเรื่องของ “ไลฟ์สไตล์” มากกว่า เพราะเรายังพบว่าตัวเลขของคนดูรายการของช่อง GMM25 ที่เติบโตขึ้นมาก เป็นคนอายุ 45 ปีขึ้นไป เพราะฉะนั้นภายใต้กลยุทธ์ Expand เราจะขยายออกไปยังคนที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งมีอยู่เยอะมาก ไม่ได้เฉพาะในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลเท่านั้น”
เปิดเวทีแห่งโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ต่อเติมฝันเป็นคนเบื้องหน้า-เบื้องหลังวงการสื่อ
ด้วยความที่ฐานคนดู – คนฟังของ “GMM25” และ “Atime Media” เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากที่สุด เพราะฉะนั้น หนึ่งในพันธกิจที่ยังคงสานต่อเนื่อง คือ การเปิดเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถ
นับตั้งแต่อดีต “Atime Media” จัดกิจกรรมเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถ หนึ่งในนั้นคือ “Hotwave Music Award” รายการประกวดวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และปั้นวงดนตรีดังระดับประเทศมาแล้วหลายวง กระทั่งเมื่อปีที่แล้วได้นำกลับมาจัดอีกครั้ง เพื่อต่อเติมความฝันของคนรุ่นใหม่ที่อยากทำดนตรี มาเป็นรายการทีวีที่ช่อง GMM25 นอกจากนั้นยังได้ทำโปรเจคเฟ้นหานักแสดงวัยรุ่น เพื่อมาเล่นซีรีส์ “Love Songs Love series” มีคนสนใจมาสมัครกว่า 10,000 คน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการคัดเลือกและทดสอบการแสดงในขั้นต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดที่เราให้กับคนรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่เงินทองข้าวของรางวัล แต่คือ “โอกาส” ในการได้ทำงานจริงในชีวิตจริง
รายการจัดประกวด หรือจัดกิจกรรมเปิดรับสมัครนักแสดง นอกจากทำให้ GMM25 และ Atime Media ได้คอนเทนต์แล้ว ขณะเดียวกันได้บุคลากรคุณภาพ ทั้งคนเบื้องหน้า-เบื้องหลังมาร่วมงานกับองค์กร และยังเป็นการสร้าง Engagement กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง อาจารย์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ
“สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีความฝันอยากเป็นนักร้อง นักดนตรี นักแสดง พิธีกร ดีเจ รวมไปถึงทำงานเบื้องหลังวงการสื่อ ทั้ง GMM25 และ Atime Media มีเวทีครบวงจรให้กับคนรุ่นใหม่ โดยในปีนี้ จะเห็นภาพชัดขึ้นในมิติที่เราเป็นช่องทีวี หรือเป็นมีเดียที่สานฝันให้กับคนรุ่นใหม่ และเราไม่ได้ทำงานแค่กับคนรุ่นใหม่ ยังรวมถึงพ่อแม่ ผู้ปกครอง อาจารย์ โรงเรียน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยกัน เพื่อช่วยกันสานฝัน และดูการเติบโตก้าวไปข้างหน้าของคนรุ่นใหม่”
สานต่อกิจกรรมทำความดี เพื่อส่งเสริมคนทำความดีทุกวัน
ด้วยรากฐานมาจากคลื่น “Green Wave” ที่จัดกิจรรมทำความดีมาโดยตลอด ทั้ง “GMM25” และ “Atime Media” จึงมุ่งมั่นสานต่อการทำความดีในรูปแบบต่างๆ โดยหลังจากปีที่แล้ว “Green Wave” จับมือกับ “GMM25” จัดโครงการ 25 กิจกรรมทำดีตามรอยพ่อ ปีนี้ยังคงเดินหน้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดีเพื่อสังคม ด้วยการทำโครงการ “กล้าดี” เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนให้คนทำความดีในทุกวัน แม้เรื่องนั้นจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ ยังได้นำรายการยอดนิยม ไปทำกิจกรรม On Ground เพื่อสังคม เช่น จัดรายการ Club Friday Show on tour โดยมี “พี่อ้อย-พี่ฉอด” ร่วมเดินทางไปยังโรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อพบปะน้องๆ และให้คำปรึกษาปัญหาความรักในกลุ่มวัยรุ่น
เนื่องจากเล็งเห็นว่าทุกวันนี้ปัญหาความรัก ได้ลุกลามไปสู่ปัญหาใหญ่ๆ ในสังคมมากมาย ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาโรคซึมเศร้า ปัญหาการฆ่าตัวตาย บางโรงเรียนแจ้งมากับทางบริษัทว่าอยากให้พี่อ้อย-พี่ฉอด ไปบอกกล่าว หรือเตือนน้องๆ เพราะวันนี้สถิติการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เกิดขึ้นอย่างสูงในสถาบันการศึกษา ด้วยเหตุนี้เราจึงมีการเดินทางไปทำกิจกรรมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อไปจัด Talk Show พูดคุยกับน้องๆ นักเรียน-นักศึกษาทั่วประเทศ
“แน่นอนว่าการทำสื่อเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่เราไม่ได้อยากทำมีเดีย หรือเป็นช่องทีวีที่มองแต่เรตติ้งหรือเงินทองเท่านั้น ดังนั้นในการทำงานของเราทุกครั้ง จะคิดถึงการให้กลับคืนสู่สังคม ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจเสมอ เราเชื่อว่าเมื่อไรก็ตามที่เราทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ความสำเร็จจะตามมาเอง
เหมือนที่เราทำคลื่น Green Wave เป็นคลื่นวิทยุที่ผ่านสถานการณ์ต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่ยังคงอยู่ได้อย่างยั่งยืนและแข็งแรง เพราะสิ่งที่เราทำ มีความดีงามประกอบอยู่ ทำให้มีคนรัก อยากฟัง อยากดู และอยากร่วมงานกับเรา เมื่อเรามาทำ GMM25 เราจึงอยากให้ช่องทีวีช่องนี้เติบโตในวิถีทางเดียวกัน นอกเหนือจากความสนุก ความบันเทิง ความสำเร็จในธุรกิจแล้ว เราอยากให้ GMM25 มีคนอยากเดินทางร่วมไปกับเรา” คุณสายทิพย์ กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมาย GMM25 ที่มากกว่าความสำเร็จด้านธุรกิจ