Lazada กำลังปฎิบัติภารกิจใหม่ในการผูกมิตรกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ชาวสิงคโปร์ โดยการจับมือกับสตาร์ทอัพด้านการเงินในฟินเทคอย่าง Finaxar ได้เริ่มให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ขายออนไลน์
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในไม่กี่สัปดาห์หลังจากบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ อย่าง Alibaba ยกเลิกค่าคอมมิชชั่นที่เรียกเก็บในสิงคโปร์ ซึ่งการยกเลิกค่าธรรมเนียมนี้ถือว่าเป็นการซื้อใจพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายที่ทำธุรกิจบน
“Merchant credit line” ของ Finaxar ช่วยให้ผู้ที่ขายสินค้ากับ Lazada สามารถเข้าถึงเงินทุนออนไลน์ได้ทุกเมื่อที่ต้องการแทนการหันไปใช้เงินกู้ยืมระยะยาว
โดยการร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้ Finaxar เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ แต่ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่ามีผู้ค้า Lazada กี่คนในสิงคโปร์กันแน่ ซึ่งถ้าหากนับจำนวนฐานร้านค้าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Sian Tan ผู้ร่วมก่อตั้ง Finaxar กล่าวว่าน่าจะมีถึง 300,000 รายเป็นอย่างน้อย
สำหรับ Lazada แล้วนี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการดึงดูดผู้ขายในอนาคตท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นในอุตสาหกรรมนี้
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Lazada ได้ยกเลิกค่าคอมมิชชั่นออกประมาณ 1-7% ต่อการขายในสิงคโปร์ โดยเลียนแบบกลยุทธ์ที่คู่แข่งใช้ โดยคู่แข่งเจ้าหนึ่งอย่าง Shopee ซึ่งมี Sea บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่และเจ้าของค่ายเกม Garena เป็นเจ้าของ ก็ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขาย เช่นเดียวกันกับ Carousell คู่แข่งอีกเจ้าที่ทำตลาดแบบ peer-to-peer
ทั้ง Lazada และ Shopee ไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นในอินโดนีเซียซึ่งเป็นอีกตลาดที่มีการแข่งขันสูงสำหรับทั้งสองเจ้า อย่างไรก็ตาม Shopee มียอดขายลดลงในไต้หวันซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่ Lazada ไม่ได้เข้าไปจับ
การยกเลิกค่าคอมมิชชั่นจะส่งผลต่อความพยายามในการทำเงินของ Lazada อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงินในสิงคโปร์และคาดว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจากการขยายฐานการค้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ใช้เงินจำนวนมากเพื่อดึงดูดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อไปยังแพลตฟอร์มของพวกเขา
นั่นทำให้สถานการณ์ของแพลตฟอร์ม E-Commerce หลายเจ้าเป็นเหมือนกัน นั่นคือ ผลประกอบการสูงปรี๊ด แต่กลับมีกำไรลดลง!
สัปดาห์ที่ผ่านมา Sea เปิดเผยว่าแม้ว่ารายได้ของบริษัทจะสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2018 แต่ผลขาดทุนสุทธิของบริษัทก็เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ Shopee
เมื่อไม่มีรายได้จากการเก็บค่าคอมมิชชั่นร้านค้า ดังนั้น ต้องหารายได้ทางอื่น…
กลับมาที่เรื่องของเครดิต ผู้ขายที่ต้องการใช้ประโยชน์จากวงเงินเครดิตอาจลงชื่อสมัครใช้ Finaxar โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของตน ลิงก์บัญชี Lazada และรอให้ใบสมัครของตนได้รับการประเมิน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดรวมทั้งการอนุมัติสามารถทำได้ภายใน 30 นาที
หากได้รับการอนุมัติผู้ขายสามารถเริ่มต้นใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อถอนเงินจากวงเงินเครดิต โดยมีกำหนดชำระคืนแบบง่ายๆ ที่สามารถเชื่อมกับข้อมูลการรับเงินจากลูกค้าของ Lazada ได้
Finaxar เรียกเก็บค่าธรรมเนียมทั้งหมด 1.5% ของยอดเงินกู้ โดยเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติมาตรฐานของสถาบันการเงิน โดยเสนออัตราดอกเบี้ยต่ำและเก็บเพิ่มจากค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการประมวลผลและอำนวยความสะดวก โดย Lazada ไม่มีส่วนแบ่งจากรายได้ดังกล่าว
Finaxar ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 ปัจจุบันได้ระดมทุนจากนักลงทุนกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งได้แก่ Monk’s Hill Ventures, บริษัทสตาร์ทอัพ 500 เจ้า, กองทุนสินทรัพย์และบริษัทแม่อื่นๆ ในสิงคโปร์ สหรัฐฯและยุโรป
โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้วยการนำเสนอการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมจากวงเงินเครดิตที่ยืดหยุ่น บริษัทปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานทางการเงิน กล่าวแต่เพียงว่าได้ว่ามีการปล่อยกู้เงินหลายพันล้านเหรียญตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
Finaxar ยังต้องแข่งขันกับบริษัทสตาร์ทอัพอื่นๆ อย่าง Funding Societies, CapitalMatch และ Validus Capital แต่ Finaxar อ้างว่าบริษัทมีความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นในสองแง่ คือการยืมเงินโดยตรงจากงบดุลของตนเอง และการใช้แบบจำลองที่หลากหลายในการดูข้อมูลกระแสเงินสด คำสั่งซื้อ และธุรกรรมเพื่อประเมินร้านค้าออนไลน์
Tan กล่าวว่า การเป็นหุ้นส่วนกับ Lazada ไม่ใช่เรื่องพิเศษสำหรับ Finaxar “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเราจะประกาศเกี่ยวกับการรวมกิจการที่คล้ายกันกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นอีคอมเมิร์ซ”
การที่ Lazada นำเสนอบริการเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการ เมื่อ Alibaba ก็มี Ant Financial ที่ให้บริการแบบเดียวกันมาแล้ว ทั้งฝั่งผู้ขายสินค้า และมีเงินกู้กับลูกค้าอีกด้วย โดยหัวใจสำคัญของการปล่อยกู้ที่รวดเร็ว ก็มาจาก Big DATA ที่ระบบซื้อ-ขายเหล่านี้เก็บข้อมูลเอาไว้ ทำให้ช่วยประเมินความเสี่ยงทางการเงินได้รวดเร็ว และเป็นช่องทางในการหารายได้ที่ได้เป็นกอบเป็นกำยิ่งกว่าค่าคอมมิชชั่นร้านค้า เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นในอุตสาหากรรม Ride-sharing ที่ Grab เข้าซื้อกิจการ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เพื่อเก็บฐานข้อมูลการใช้รถ การสั่งอาหารของลูกค้าและฝั่งผู้ร่วมขับ เพื่อมุ่งหน้าสู่บริการทางการเงิน
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM