เมื่อที่อยู่อาศัยไม่ได้เป็นแค่เพียงพื้นที่สำหรับการอาศัยอยู่ของใครหลายคน แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถสะท้อนสไตล์ รสนิยมของผู้อยู่อาศัย จึงทำให้ผู้พัฒนาโครงการบ้านหรือคอนโดต่างๆ เล็งเห็นถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอและการออกแบบโครงการให้ตอบสนองกับดีมานด์เหล่านั้นที่เกิดขึ้น การดีไซน์ ตกแต่ง การสร้างแบรนด์ จึงถูกนำมาใช้สร้าง Emotional Connection มากกว่าเดิม
ตัวอย่างอย่างเช่น The Diplomat 39 (เดอะ ดิโพลแมท เทอร์ตี้ไนน์) จาก KPN Land ที่ดึงเอาศิลปะการแสดงร่วมสมัยอย่าง Contemporary Dance มาถ่ายทอดความความงามเหนือกาลเวลา และความหมายที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนที่ส่งผลต่อจิตใจของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว และทำให้เราเห็นได้โครงการคอนโดมิเนียมที่มีการออกแบบผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ของที่พักอาศัย ทั้งตกแต่งภายในและภายนอกโครงการด้วยศิลปะแบบคลาสสิกและโมเดิร์นสร้างความแตกต่างและทำให้โดดเด่น (Distinctively) จากโครงการอื่นๆมากยิ่งขึ้น ซึ่งการดีไซน์โครงการในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะนำเสนอความสวยงามของโครงการเท่านั้น หากยังต้องการรังสรรค์ให้เป็นอีกสถานที่ที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยที่จะได้รับความรู้สึกเสมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแกเลอรีแสดงงานศิลปะที่มีคุณค่าทางจิตใจ เป็นทั้ง Asset และ Art piece ที่เหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อครอบครองหรือส่งมอบต่อจากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งได้
The Diplomat 39 มี 3 จุดเด่น ประกอบด้วย Timeless design ที่ออกแบบโดยดึงสไตล์ของศิลปะสถาปัตยกรรมที่อยู่เหนือกาลเวลามาใส่ไว้ในตัวโครงการ ทำให้รูปทรงโครงการมีความร่วมสมัย ผสมผสานทั้งความคลาสสิกและโมเดิร์น โดยนำแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมคลาสสิกจากอิตาลี รูปแบบ Palladian Architecture ที่มีชื่อเสียงด้านความสมส่วนของเสา คานและรูปทรงต่างๆมาใช้กับส่วนล่างของตัวอาคาร ไม่ว่าจะเป็น ประตูทางเข้าอาคาร ด้านหน้าโครงการ โถงทางเดินภายในโครงการ รวมถึงยังออกแบบให้ส่วนของอาคารชั้น 8 ขึ้นไปเป็นแบบสไตล์โมเดิร์น สอดแทรกการลงรายละเอียดดีไซน์ไปตามฟังก์ชั่นของห้องต่างๆ
ขณะเดียวกัน ยังมีจุดเด่นด้าน Craftsmanship หรืองานฝีมือที่นำมาใช้ตกแต่งที่เต็มไปด้วยการสร้างสรรค์ที่เกิดจากแรงบันดาลใจ และคงไว้ด้วยคอนเซ็ปต์ Passage through Time หรืการเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา ที่สื่อความหมายว่า งานทุกชิ้นที่นำมาตกแต่ง ล้วนผ่านช่วงเวลาของการรังสรรค์ ออกแบบ และพิถีพิถันในการปลูกปั้นจนเกิดเป็นงานคราฟต์ที่สวยงามและมีคุณค่า รวมไปถึงงานบางชิ้นยังเต็มไปด้วยประสบการณ์และมีประวัติยาวนาน เสมือนเป็นของสะสมของนักการทูต ซึ่งเป็นความหมายของชื่อโครงการ The Diplomat นั่นเอง
คอนเซ็ปต์ชัดตั้งแต่ประตูทางเข้า
ความหมายของการเดินข้ามผ่านเวลา สะท้อนให้เห็นตั้งแต่ประตูทางเข้า ที่มีประติมากรรมประตูมิติของการเวลาตั้งตระหง่านหน้าโครงการ จนกลายเป็นจุดที่ผู้คนเดินผ่านไปมาต้องมาหยุดถ่ายรูป และทำให้เรารู้ว่าโครงการนี้ไม่ใช่เพียงแค่ที่พักอาศัยธรรมดาทั่วไป แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ที่ต้องมาสัมผัวด้วยตัวเอง
แม้กระทั่งวัสดุที่ใช้ก่อสร้างยังเป็นหิน หินเฟรนช์ลามสโตน (French Limestone) ที่เป็นหินที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ซึ่งอดีตนิยมใช้ในพระราชสำนัก และพระราชวังต่างๆของยุโรป ก็นำมาใช้กับโครงการนี้เพื่อสร้างอารมณ์ของความคลาสสิก และสร้างคุณค่าที่เหนือกาลเวลา
นอกจากนั้น อีกจุดเด่นที่ขาดไม่ได้ คือ Rarest Location ทำเลที่หายาก เนื่องจากที่ตั้งโครงการนี้อยู่บริเวณต้นซอยสุขุมวิท 39 ย่านที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยแหล่งแฮงก์เอ้าต์และชอบปิงมากมาย จนเรียกได้ว่า เป็นทำเลที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนเมืองจริงๆ และคอนโดมิเนียมนี้ได้ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 4 ปี โดยแล้วเสร็จเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
และทั้งหมดนี้จึงป็นเหตุผลที่ตอบโจทย์ทั้งหมดว่า Emotional Connection ที่เกิดขึ้นระหว่างคนสร้างแบรนด์ กับลูกค้า ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะหากในทุกๆวัน เราตื่นมาท่ามกลางที่อยู่อาศัยที่เต็มไปด้วยความประณีต ละเมียดละไมในทุกๆรายละเอียด พร้อมกับตอบโจทย์ความสะดวกสบายในทุกๆด้าน ย่อมทำให้เราอิ่มเอมใจ และภาคภูมิใจไปพร้อมๆกัน และอยากจะส่งต่อสิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นสมบัติจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป