เชื่อหรือไหมว่า “ตลาดเครื่องสำอาง” เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตเสมอ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร จีดีพีจะโต หรือไม่โต โดยปัจจุบันตลาดเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 280,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่แล้ว และคาดว่าปี 2568 ตลาดยังเติบโตได้ 10% ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะกระโจนลงมาทำตลาดที่ Red Ocean นี้ จนตอนนี้มีแบรนด์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
หลังจากตัดสินใจเข้ามาสานต่อกิจการผงหอมศรีจันทร์ของครอบครัวเพียงเพราะอยากช่วยคุณปู่ จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ “คุณรวิศ หาญอุตสาหะ” เข้ามาเป็นซีอีโอของบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด และพลิกฟื้นแบรนด์ที่เก่าแก่คู่กับคนไทยมานานให้กลับมาแจ้งเกิดในใจผู้บริโภครุ่นใหม่อีกครั้ง ขณะเดียวกัน จากธุรกิจเล็กๆ ที่มีสินค้าหลักอย่างผงหอมศรีจันทร์แค่ตัวเดียว วันนี้ได้แตกโปรดักท์ไลน์และปั้นแบรนด์ใหม่มากมาย จนปัจจุบันมีสินค้ากว่า 300 SKU
ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท เติบโตทุกปี จากพฤติกรรมคนไทยไม่หยุดสวย จึงมีเชนรีเทล “บิวตี้สโตร์” รูปแบบมัลติแบรนด์ แห่ผุดขึ้นมาจำนวนมาก แต่หากสังเกตดูจะเห็นว่า 2-3 ปีนี้ ยิ่งมาเจอกับโควิด ทำให้หลายแบรนด์เริ่มหายไปจากตลาด
ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทย ถูกยกให้เป็นหนึ่งในตลาดที่มีขนาดใหญ่ด้วยมูลค่าหลัก “แสนล้านบาท” ต่อปี และอัตราการเติบโตยังมีอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) สำหรับแบรนด์เครื่องสำอางที่อยู่ในตลาด ยังมีจำนวนมากมายเพื่อเป็น “ทางเลือก” ให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายแต่ละเซ็กเมนต์
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน อ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิจัย CBNDATA ซึ่งทำการสำรวจกลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อเครื่องสำอางบนออนไลน์ พบว่า เครื่องสำอางไซส์มินิที่จำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะลิปสติกไซส์มินิ และแปรงแต่งหน้าไซส์มินิ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า
เมื่อพูดถึงแบรนด์ “ดร.สมชาย” หลายคนคงจะนึกถึงผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดยเฉพาะ “ยารักษาสิว” แต่วันนี้ ดร.สมชาย กำลังก้าวไปสู่ New Business ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 2 ที่นำดีพเทคโนโลยีทางชีวภาพที่เรียกว่า “จีโนม อีดิทติ้ง” (Genome Editing) มาใช้ในการรักษาโรคถึงระดับพันธุกรรม
เครื่องสำอางไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้หญิงต้องมี และผู้หญิงเริ่มใช้เครื่องสำอางตั้งแต่อายุน้อยลงเรื่อยๆ เป็นปัจจัยให้ตลาดนี้จึงโตวันโตคืน และมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้น อย่างตอนนี้มีผู้เล่นรายใหม่ คือ บริษัท ไอสไตล์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของ @cosme เว็บไซต์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาเปิดตัวร้าน @cosme store สาขาไอคอนสยาม ซึ่งถือเป็นร้าน Cosmetics Specialty Store สาขาแรกในประเทศไทย และเป็นร้าน @cosme store สาขาแรกในอาเซียน ภายใต้ธีม “Experience, Discover, …
ตลาดเครื่องสำอาง ยังถูกมองว่าสวยงาม เหมือนสีสันของสินค้า เพราะบรรดาสาวๆ ไม่ยอมหยุดสวย ตลาดจึงขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน น่าเข้ามาทำธุรกิจแสวงหาโอกาสทำรายได้และกำไร แม้มีโอกาสแต่ตลาดก็มีคู่แข่งมากหน้าหลายตา มากเสียจนนิ้วมือที่มีอยู่นับไม่ถ้วน น่านน้ำแห่งทะเลการค้า จึงมีแต่จะเป็นสีแดงเข้ม ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกันเองของหน้าเก่า หรือการเข้ามาของหน้าใหม่ก็ตาม
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ชอบดูแลตัวเองให้แข็งแรงและดูดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ ที่ต้องสวยอยู่เสมอ เป็นแรงหนุนสำคัญให้ ตลาดสินค้าด้านสุขภาพ และความงามนับวันก็เติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ประเมินกันว่าน่าจะมีมูลค่าตลาดรวมพุ่งไปถึง 300,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องสำอางในประเทศมูลค่า 181,000 แสนล้านบาท หรือสัดส่วน 60% ของตลาดรวมเครื่องสำอาง และอีก 40% หรือมูลค่า 121,000 แสนล้านบาท เป็นตลาดส่งออก ตัวเลขส่งออกนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สินค้าจากประเทศไทยได้รับความนิยม มีแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกให้ไทยเป็นฐานการผลิตจำนวนมาก ที่บรรดาสาวๆ นิยมใช้กันอยู่หลายแบรนด์ในกระเป๋าเครื่องสำอาง ส่วนใหญก็ผลิตในบ้านเราเองนี่แหละ …
หลังจากสร้างชื่อ สร้างแบรนด์ในประเทศไทยมากว่า 30 ปี จนสามารถขยายสเกลการเติบโตของธุรกิจจากแบรนด์สินค้าขายตรง ที่เคยขายผ่านเฉพาะช่องทางตัวแทนในนาม “สาวมิสทิน” พร้อมสโลแกนคุ้นหู “มิสทิน…มาแล้วค่ะ” มาสู่การเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่แข็งแรงในตลาดรีเทล ด้วยการขยายสินค้าเพื่อวางขายในช่องทางที่หลากหลายยิ่งขึ้น รวมถึงร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ที่มีสาขากระจายทั่วทั้งประเทศไม่ต่ำกว่าหมื่นสาขาอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านบิวตี้ช็อปชื่อดังต่างๆ ทำให้ยอดขายผ่านกลุ่มรีเทลมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจนเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักที่สำคัญของมิสทิน เช่นเดียวกับยอดขายโดยรวมที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยตัวเลขล่าสุดในปีที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายทั่วทั้งประเทศได้สูงถึง 13,600 ล้านบาท
