รถ EV

อาจกล่าวได้ว่า อุตสาหกรรม EV ในแดนอิเหนาตอนนี้กำลังฮอตสุด ๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น Hyundai และ LG ที่เปิดโรงงานสำหรับผลิตแบตเตอรี่ EV รวมถึงค่าย BYD และ Neta จากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในมูลค่าหลักพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ล่าสุดถึงเวลาของ Grab ผู้ให้บริการ Ride-Hailing ที่ประกาศจับมือกับ BYD นำรถ EV เพิ่มลงในบริการของตนเองอีก 1,000 คัน โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้

ปกติเวลาเศรษฐกิจไม่ดี “ตลาดรถยนต์มือสอง” หรือ “รถยนต์ใช้แล้ว” (Used Car) จะคึกคัก เพราะผู้บริโภคมักเลือกซื้อรถมือสองที่มีราคาถูกกว่ารถป้ายแดง แต่ในปีนี้กลับเปลี่ยนไป ภาพรวม 3 เดือนแรกของปี ตลาดรถมือสองอยู่ในสถานการณ์ “เหนื่อย” ไม่น้อย ผู้ประกอบการบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าแสนสาหัส เพราะคนตัดสินใจซื้อยากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการสร้างหนี้ก้อนใหญ่ ในขณะที่ซัพพลายรถมือสองก็ล้นตลาด

Xiaomi ประกาศข่าวใหญ่ส่งท้ายปี บุกตลาดรถ EV ด้วยรถรุ่นแรกในตระกูล SU7 (ประกอบด้วย SU7, SU7 Pro และ SU7 Max)  พร้อมงบในการพัฒนาที่สูงถึงหมื่นล้านหยวน ด้านซีอีโอ Lei Jun เผย บริษัทเริ่มเดินสายการผลิตแล้ว คาดสามารถจำหน่ายในจีนได้ต้นปีหน้า ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผย

สวีเดนประกาศแผนติดตั้ง “ที่ชาร์จไฟรถ EV” ลงบนทางด่วนสาย E20 เพื่อให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถ EV ระหว่างเดินทางแล้ว โดยคาดว่าจะกระตุ้นให้บริษัทขนส่งเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุก EV กันมากขึ้น ส่วนกำหนดแล้วเสร็จคือปี 2025

หากในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนจะยังรู้สึกว้าวกับการเปิดตัวของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชื่อก้องอย่างเทสล่า (Tesla) ในประเทศไทย มาวันนี้ ตลาดรถยนต์ EV อาจมีรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งแล้วก็เป็นได้ เพราะค่าย Lightyear ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ที่วิ่งได้โดยไม่ต้องชาร์จเป็นเวลาหลายเดือน ออกมาบอกแล้วว่าพวกเขาเองก็เริ่มผลิตรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์รุ่น Lightyear 0 ในเชิงพาณิชย์แล้ว

“เกาหลีใต้” ขึ้นแท่นประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าดีที่สุดของโลก การจัดอันดับดังกล่าวมาจากรายงานชื่อ the Global EV Outlook 2022 ที่ระบุว่า เกาหลีใต้จุดชาร์จรถ EV ต่อรถ 2.6 คัน ในขณะที่ค่าเฉลี่ยระดับโลกของปี 2021 อยู่ที่ 9.5 คันต่อจุดชาร์จหนึ่งจุด ส่วนในยุโรปค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 15.5 คัน และจีนอยู่ที่ 7.2 คันต่อจุดชาร์จ

ใคร ๆ ก็อยากโตในตลาดรถ EV จีน เพราะไม่เพียงแต่โตโยต้า (Toyoto) และ Volkswagen จะออกตัวแรงแล้ว ทางค่ายฮอนด้า (Honda) ก็ออกมาประกาศเจาะตลาดรถ EV ระดับกลางในจีนเช่นกัน โดยตั้งราคาเริ่มต้นรถ EV ของบริษัทเอาไว้ที่ 175,000 หยวน หรือประมาณ 8.94 แสนบาท พร้อมชูจุดขายว่าเป็นราคาที่ถูกกว่ารถของเทสล่า รถระดับลักชัวรี่นั่นเอง

น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับตลาดรถ EV เมื่อมีตัวเลขจากบริษัทวิจัย MarkLines พบว่า ยอดขายรถยนต์ EV ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2021 นั้นทำสถิติสูงถึง 4.6 ล้านคัน ขณะที่รถไฮบริดนั้นเพิ่มขึ้น 35% หรือเท่ากับยอดขาย 3.1 ล้านคัน ซึ่งเท่ากับว่า ยอดขายรถ EV ได้แซงหน้ารถไฮบริดแล้วเป็นครั้งแรก

ฮอนด้า มอเตอร์ (Honda Motor) ประกาศทุ่มงบ 5 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ใน 10 ปีข้างหน้า พร้อมแผนเปิดตัวรถ EV ถึง 30 รุ่นภายในปี 2030

การคาดการณ์ที่บอกว่า หลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะ “สหรัฐอเมริกา” จะมีจำนวนรถ EV เพิ่มขึ้นมากถึง 26 ล้านคันภายในปี 2030 ได้ทำให้สตาร์บัคส์ (Starbucks) เชนกาแฟยักษ์ใหญ่ที่มีสาขามากกว่า 15,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ อาจตัดสินใจเปลี่ยนโพสิชันตัวเองด้วยการตั้งเป้าเป็นจุดชาร์จรถ EV นอกเหนือจากการเป็นร้านกาแฟแล้ว

เป็นอีกหนึ่งกระแสที่มาแรงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้บริโภคในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกระแสดังกล่าวทำให้ Juniper Research คาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า การติดตั้งเครื่องชาร์จไฟสำหรับรถ EV ในบ้านอาจเพิ่มขึ้นเป็น 21 ล้านครัวเรือน จากเดิมที่มีอยู่ราว 2 ล้านครัวเรือนทั่วโลก หรือคิดเป็นมูลค่าตลาด 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

จากที่บริษัทต่าง ๆ พยายามพัฒนาแบตเตอรี่รถ EV ให้มีความจุเพิ่มขึ้น รถจะได้วิ่งได้ไกลขึ้นนั้น ล่าสุดดูเหมือนจะมีอีกหนึ่งโซลูชันที่ต้นทุนต่ำกว่าแล้ว เพราะค่าย Daikin ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศสัญชาติญี่ปุ่นพัฒนาเทคโนโลยีสารทำความเย็นตัวใหม่สำหรับรถ EV โดยระบุว่าช่วยให้รถวิ่งได้ไกลขึ้นถึง 50% คาดทำตลาดเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2025 นี้

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ( Mr.Peerapatr Sirichantaropart Managing Director SHARGE MANGEMENT COMPANY) เปิดเผยว่า “SHARGE มองว่าภายใน 5 ปี การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมาจากทั้งปัจจัยที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลกและการสนับสนุนจากภาครัฐ …

แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก กำลังมุ่งมาทาง “ยานยนต์ไฟฟ้า” ที่นับวันยอดขายรถยนต์ใหม่ มาจากรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยในปี 2020 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก อยู่ที่ราว 3.24 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่มียอดขาย 2.26 ล้านคัน ถึงแม้ยังเป็นตลาดที่เล็กกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป หรือรถใช้พลังงานน้ำมัน แต่เวลานี้รัฐบาลในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ประเทศแถบยุโรป จีน ญี่ปุ่น กำหนดวิสัยทัศน์ด้าน Green Economy และหนึ่งในนโยบายของการสร้างพลังงานสะอาดคือ ส่งเสริมทั้งผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และประชาชน …

“ตลาดรถไฟฟ้า” หรือ “Electric Vehicles” หรือเรียกสั้นๆ ว่ารถ EV กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ทั้งรัฐบาลในหลายประเทศ และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ต่างขยับมาในทิศทางนี้