โคคา โคล่า

จับมือกันอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่ Jack Daniels และ Coke โดยงานนี้มาในรูปของเครื่องดื่มค็อกเทลแบบ Ready to Drink (กระป๋อง) ให้สามารถเปิดจิบกันได้ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ไหน ๆ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดเม็กซิโกช่วงปลายปีนี้

แคมเปญคริสต์มาสตัวใหม่ของ Coca-Cola มาในธีมอบอุ่นหัวใจเช่นเคย โดย Coca-Cola เลือกใช้ชื่อแคมเปญนี้ว่า The Letter ที่สื่อสารถึงเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้ว่า “This Christmas, give something only you can give.” 

โฆษณาสไตล์มินิมอล กำลังมาแรงในขณะนี้ หลังจาก McDonald’s เพิ่งท้าทายความรักที่ผู้บริโภคมีกับแบรนด์ ด้วยการไม่เปิดเผยโลโก้เต็มๆ หรือโชว์ภาพสินค้า ล่าสุด Coca-Cola หรือ โค้ก เล่นกับไอเดียลักษณ์คล้ายกัน ส่งบิลบอร์ดที่ไม่มีรูปขวดโค้ก ซึ่งเป็นหนึ่งใน Brand Asset ที่สำคัญของแบรนด์ แต่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเองว่ามีเค้าโครงของขวดนั้น

แคมเปญโฆษณาล่าสุดของ Coca-Cola กำลังเผชิญหน้ากับแรงบอยคอตในฮังการี หลังจากมีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วยนักการเมืองและกลุ่มอนุรักษ์นิยม มองว่าเป็นการส่งเสริมรักร่วมเพศ ขณะเดียวกันทางแบรนด์ก็แถลงการณ์ยืนยันจะไม่ถอดโฆษณาดังกล่าวออกเด็ดขาด

Coca-Cola ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของการลดขยะ โดยมีเป้าหมายว่าปี 2025 จะทำให้แพ็กเกจจิ้งของตัวเองสามารถรีไซเคิลได้ 100% และปี 2030 จะสร้างระบบที่คืนขวดทุกขวด กระป๋องทุกใบได้ อย่างไรก็ตามก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น “โค้ก” ได้ทำเรื่องที่ง่ายดายกว่าจะลงมือได้เลยตอนนี้ นั่นก็คือ ให้ป้ายโฆษณาเป็นสื่อกลางเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงกระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายขึ้นแถมพลังครีเอทีฟยังทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อีกด้วย

“โค้ก” นำเอากระป๋องดีไซน์ปี 1985 กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้งแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น จำนวน 500,000 กระป๋อง ภายใต้ความร่วมมือกับซีรีส์ดัง “Stranger Things” ซีซั่น 3 ที่กำลังจะออกฉายเร็วๆ นี้

ในประเทศไทยแค่กระป๋องโค้ก(Coca-Cola) ลาย Avengers ซึ่งเปิดตัวมาต้อนรับภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Endgame ที่ว่าเรียกเสียงฮือฮาอย่างล้นลามแล้ว ดูเหมือนว่าที่บราซิลกิมมิคที่ Coca-Cola นำเสนอนั้นน่าตื่นเต้นไปอีกขั้น เมื่อมีการยกระดับให้ “ฝากระป๋อง” หรือหูกระป๋อง ถอดออกมากลายเป็น “เข็มกลัด” ที่เอาไปติดกับเสื้อหรือกระเป๋าต่อได้ด้วย

ไอซ์แลนด์(Iceland) คือ ประเทศที่เล็กที่สุด ในการแข่งขันฟุตบอลโลก(FIFA World cup 2018) ในครั้งนี้ โดยมีประชากรราว 330,000 คน และเป็นที่ทราบกันดีว่า นักเตะทีมชาติหลายคน มีอาชีพที่ 2 นอกเหนือจากอาชีพนักฟุตบอล และ Hannes Thór Halldórsson ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมก็เช่นกัน ที่อาชีพจริงๆ ของเขาก็คือ “ผู้กำกับภาพยนตร์” และเนื่องในโอกาสที่ไอซ์แลนด์ได้เข้ารอบมาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซีย โค้ก หนึ่งในสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันก็เลือกให้เขาเป็นผู้กำกับโฆษณาโค้กที่ฉายในประเทศไอซ์แลนด์

“เครื่องดื่มโค้ก” โดยกลุ่มธุรกิจโคคา–โคลา ในประเทศไทย เปิดตัว “โค้ก พลัส คอฟฟี่” นำเสนอความลงตัวของความซ่าสดชื่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มโค้ก ผสานกาแฟโรบัสต้าแท้ ชวนกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น นักศึกษา วัยทำงานพักเบรคจากอาการเหนื่อยล้า คลายง่วงยามบ่าย สร้างสีสันช่วงเวลายามบ่ายให้ได้อร่อยซ่า สดชื่น พร้อมเพลิดเพลินด้วยรสชาติเข้มหอมจากกาแฟโรบัสต้า ให้สดชื่นสดใสกันได้ทั้งวัน เตรียมกิจกรรมสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรทั้งออฟไลน์และออนไลน์ วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ‘เซเว่น-อีเลฟเว่น’ มิถุนายนนี้ (ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ สิงหาคมนี้)

หนึ่งในประเทศที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มพัฒนาไปไกลมากที่สุด คงต้องยกให้กับ “ญี่ปุ่น” ที่เวลานี้ตลาดเครื่องดื่มที่นี่ ก้าวไปสู่สเต็ป Fragmentation แล้ว นี่จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ระดับโลกกำหนดให้ “ตลาดญี่ปุ่น” เป็น Strategic Country สำคัญ

ในโลกของการแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันนโยบายการเติบโตทางด้านยอดขายคงไม่ใช่สิ่งเดียวที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญอีกต่อไป เพราะนโยบายความยั่งยืนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกบรรจุลงในแผนกลยุทธ์ของแบรนด์ต่างๆ นำมาซึ่งการพัฒนาส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างเป็นระบบและนำไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

เราเคยพูดถึงหัวข้อที่ว่า AI จะมาแทนการทำงานของมนุษย์ได้หรือไม่ เหมือนที่เครื่องจักรหลายอย่างได้ถูกนำมาแทนแรงงานมนุษย์ไปแล้ว หลายฝ่ายยังเชื่อว่าแม้ AI จะฉลาดแค่ไหน แต่งานที่ต้องใช้สติปัญญาในแง่ของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการก็ยังต้องอาศัยมนุษย์อยู่ดี เพราะฉนั้นงานที่ใช้สมองในแง่ของอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าเหตุผลและหลักการน่าจะห่างไกลจากการโดน AI แย่งงาน

ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท นับเป็นขุมทรัพย์การตลาดใหญ่ แต่กลับมีผู้ประกอบการไม่กี่รายที่ “ครองตลาด” อยู่ โดยที่มีบทบาทอยู่ในเกมการแข่งขันหนีไม่พ้น 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ เช่นโคคา-โคล่าหรือโค้ก (Coca Cola) และเป๊ปซี่ (Pepsi) ซึ่งไล่บี้ขยี้กันมาตลอด กระทั่งตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อเป๊ปซี่เผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อพยายามเดินเกมขึ้นควบการผลิตเอง พันธมิตรสำคัญอย่าง บริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน)ที่เคยเป็นบ็อทเลอร์มาอย่างยาวนานเป็นอันต้องยุติแตกหักกันไป และเกิดแบรนด์น้ำอัดลมสัญชาติไทย “เอส” (Est) ขึ้นมาแข่งตีคู่โกลบอลแบรนด์