ภารกิจ “ความยั่งยืน” กลายเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนลุกขึ้นมาลงมือปฏิบัติกันอย่างจริง ๆ โดยเฉพาะองค์กรธุรกิจ “โคคา-โคล่า” เป็นแบรนด์เครื่องดื่มระดับโลก ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบสนองผู้บริโภค เมื่อย่อตลาดมายังประเทศไทย ภาพการเป็น “ผู้นำตลาดน้ำอัดลม” ยังคงแข็งแกร่ง ยืนหนึ่งมีนวัตกรรมในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ แทรชลัคกี้ เดินหน้าต่อยอดแคมเปญ “ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าที่เคย ขยายความร่วมมือสู่พันธมิตรรายใหม่ เหนียวแน่นกับพันธมิตรรายเดิม …
หากเอ่ยถึงโคคา โคล่า ในประเทศไทย หลายคนคงคุ้นชื่อของ “ไทยน้ำทิพย์” ของตระกูลดัง “สารสิน-เคียงสิริ-บุญสูง” ที่ได้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายในประเทศไทยมายาวนานทั้งในเขตเหนือ อีสาน กลาง และสปป.ลาว
กว่า 138 ปี กับการเดินทางของ “โคคา-โคล่า” บนเส้นทางสายธุรกิจจนสามารถขยายตลาดมาแล้วกว่า 200 ประเทศทั่วโลก หัวใจสำคัญของความสำเร็จคือการปรับเปลี่ยนแผนงานตามบริบทสภาพแวดล้อม และเทรนด์โลก ภายใต้แนวทางความยั่งยืนแบบองค์รวม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การดูแลปกป้องสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจมายาวนาน
Coca-Cola Great Britain จับมือ Merlin Entertainment ธุรกิจธีมปาร์คยักษ์ใหญ่ของอังกฤษส่งแคมเปญรับรีไซเคิลขวดน้ำอัดลมผ่านตู้ Vending Machine ผ่านธีมปาร์คดังพร้อมลุ้นรับสิทธิพิเศษที่เงินหาซื้อไม่ได้แล้ว
จับมือกันอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่ Jack Daniels และ Coke โดยงานนี้มาในรูปของเครื่องดื่มค็อกเทลแบบ Ready to Drink (กระป๋อง) ให้สามารถเปิดจิบกันได้ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ไหน ๆ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดเม็กซิโกช่วงปลายปีนี้
ถึงแม้ “Coco-Cola” (โคคา–โคลา) หรือ “โค้ก” เป็น Iconic Brand ระดับโลก แต่หนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่แบรนด์น้ำอัดลมระดับโลกแบรนด์นี้กำลังเจออยู่คือ การปรับให้แบรนด์ Modernize และสร้างประสบการณ์ดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ เหตุผลที่ “Coca-Cola” ต้องทรานส์ฟอร์มให้แบรนด์ทันสมัย ผสานกับโลกดิจิทัล และให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่เป็น Core Target ของตลาดเครื่องดื่มอัดลม แต่ด้วยความที่ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ทำให้เกิดสงครามแย่งชิงพื้นที่กระเพาะ (Share of Stomach) และคนรุ่นใหม่หันไปบริโภคเครื่องดื่มประเภทอื่นแทนน้ำอัดลม …
เนื่องในโอกาส “ตรุษจีน” Coco-Cola ที่ประเทศจีน ส่งภาพยนตร์โฆษณาชิ้นใหม่ เล่าเรื่องครอบครัว “เสือ” เพื่อต้อนรับปีเสือ ตามความเชื่อ พร้อมแคมเปญการตลาดครบวงจร
ตลาดน้ำอัดลมเป็นตลาดที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้นต่อเนื่องมาทุกปี ทั้งการแข่งขันกับผู้เล่นที่อยู่ในตลาดเดียวกัน ไปจนถึงการแข่งขันกับเครื่องดื่มนานาชนิดที่เข้ามาเป็นตัวแปรแย่งชิงผู้บริโภคให้เปลี่ยนใจหันไปดื่มเครื่องดื่มใหม่ ๆ
แคมเปญคริสต์มาสตัวใหม่ของ Coca-Cola มาในธีมอบอุ่นหัวใจเช่นเคย โดย Coca-Cola เลือกใช้ชื่อแคมเปญนี้ว่า The Letter ที่สื่อสารถึงเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้ว่า “This Christmas, give something only you can give.”
น้ำกับกระดาษเคยเป็นสิ่งที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีจะทำให้สองสิ่งนี้ใกล้ได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว เมื่อ Coca-Cola ได้เปิดตัวขวดบรรจุน้ำอัดลม (รุ่นโปรโตไทป์) ที่ทำจากกระดาษ แล้ว โดยขวดนี้ยังไม่มีการใช้งานจริง แต่ก็ทำให้ Commitment ที่ Coca-Cola เคยให้ไว้ว่าจะทำให้โลกนี้ไม่มีขยะ หรือ a World Without Waste เข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นอีกนิด
“น้ำอัดลม” ไม่ว่าจะเป็นโคล่า หรือน้ำสีรสพื้นฐานกลายเป็น Mainstream Product ไปแล้ว ในขณะที่ทุกวันไลฟ์สไตล์ รสนิยม หรือความชอบของผู้บริโภคซับซ้อนขึ้น เปลี่ยนแปลงเร็ว และเป็นยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เพราะฉะนั้นทำอย่างไรที่ “น้ำอัดลม” แม้จะเป็น Soft Drink ที่ทุกคนทั่วโลกคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหาซื้อง่าย มีทุกหนแห่ง ยังคงเป็นเครื่องดื่มแรกๆ ที่เวลาอยากดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น ผู้บริโภคจะเลือกซื้อ นี่จึงเป็น “โจทย์ใหญ่” ของตลาดน้ำอัดลม ซึ่งมี 2 แบรนด์หลักที่ Dominate ตลาดทั่วโลก …
ปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการคาดการณ์อย่าง “COVID-19” ทำให้ปี 2020 เป็นปีแห่งความท้าทายของ “บริษัทเดอะ โคคา–โคลา คอมปะนี” (The Coca-Cola Company) ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมาสถานการณ์ COVID-19 แพร่ระบาดรุนแรงทั่วโลก ได้เปลี่ยนรูปแบบการบริโภค และการจับจ่าย โดยรูปแบบการรับประทานอาหารนอกบ้านลดลงอย่างชัดเจน อันเป็นผลมาจากมาตรการ Lockdown ทำให้ต้องปิดร้านอาหาร – โรงภาพยนตร์ – สถานที่เล่นกีฬา และออกกำลังกาย รวมทั้งการรณรงค์ให้ Social Distancing สวนทางกับช่องทาง e-Commerce …
ช่วยคนญี่ปุ่นป้องกัน Covid-19 อีกแรง เมื่อ Coca-Cola Bottlers Japan ตัดสินใจติดแผ่นฟิล์มป้องกันเชื้อโรคลงบนตู้กดน้ำอัตโนมัติของบริษัทมากถึง 30,000 ตู้ จากทั้งหมด 70,000 ตู้ทั่วประเทศ
“สูตรสำเร็จ” ทางการตลาด บ้างเป็นกลยุทธ์เก่านำมาใช้ใหม่ไม่ได้ แต่บางกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จล้นหลาม โดนใจผู้บริโภค ทำไมแบรนด์จะไม่เลือกหยิบมาเป็น “อาวุธลับ” มัดใจกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาสไตล์มินิมอล กำลังมาแรงในขณะนี้ หลังจาก McDonald’s เพิ่งท้าทายความรักที่ผู้บริโภคมีกับแบรนด์ ด้วยการไม่เปิดเผยโลโก้เต็มๆ หรือโชว์ภาพสินค้า ล่าสุด Coca-Cola หรือ โค้ก เล่นกับไอเดียลักษณ์คล้ายกัน ส่งบิลบอร์ดที่ไม่มีรูปขวดโค้ก ซึ่งเป็นหนึ่งใน Brand Asset ที่สำคัญของแบรนด์ แต่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเองว่ามีเค้าโครงของขวดนั้น
แนวคิด Collaboration ระหว่างแบรนด์ดัง ดูจะเป็นแนวทางการทำตลาดที่สำคัญอย่ามากในยุคนี้ เพราะสามารถดึงฐานลูกค้าที่ชื่นชอบอีกแบรนด์ให้หันมาทดลองสินค้าใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น ล่าสุดแบรนด์ดังอย่าง Coco-Cola หรือโค้กที่เราคุ้นเคยกัน จับมือกับ Tic Tac แบรนด์ลูกอมที่ในต่างประเทศโด่งดังไม่แพ้กัน เปิดตัวลูกอมมิ้นต์ที่มีรสชาติของโค้ก
เป็นที่รู้กันดีว่า สงครามเครื่องดื่มในญี่ปุ่นดุเดือดสุดๆ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะมว๊ากกกกกก ดังนั้นที่สุดของการเอาใจลูกค้า Coca-Cola จึงเปิดตัวน้ำดำสายพันธุ์ใหม่ให้ชาวอาทิตย์อุทัยได้ชิมก่อนใครในโลกอีกแล้วกับ “Coca-Cola Strawberry” โดยหวังว่าจะเข้ากับบรรยากาศในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นที่มักจะเต็มไปด้วยเค้กเฉลิมฉลองก้อนโตที่ตกแต่งด้วยสตอเบอรี่หวานฉ่ำนั่นเอง
นับเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอลฮอล์ หลังจากที่ “Coca-Cola” พร้อมพันธมิตรด้านบรรจุขวดในยุโรป “Coca-Cola HBC” และ “Coca-Cola European” ได้เผยถึงแผนการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี “KeelClip” กระดาษแข็ง ที่จะนำมาใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์ “โค้กแบบกระป๋อง” แทนการใช้พลาสติกฟิล์มหดที่ไม่สามารถนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “Coca-Cola” สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนของ “Star Wars” มหากาพย์สงครามหนังอวกาศสุดอมตะ ผ่านการดีไซน์ขวดน้ำอัดลมใหม่ ที่มาช่วยสร้างสีสันการตลาดในช่วงที่ภาพยนตร์เข้าฉาย เป็นไปตามแนวทางของ Coca-Cola ที่ต้องการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์มากกว่าการ “ดื่ม” ไม่เพียงเฉพาะผู้คนบนโลก แต่ยังรวมไปถึงบน “กาแลกซี่” ที่อยู่ห่างไกลออกไป
นับเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกในรอบ 19 ปี ระหว่าง “โคคา-โคล่า” (Coca Cola) ผู้นำเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนาน ผู้นำตลาดน้ำอัดลม ที่มีมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานดัชนีค้าปลีกของบริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด และ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” (The Pizza Company) เชนร้านพิซซ่าที่ใหญ่ที่สุดในไทย
วงการเครื่องดื่มในละแวกบ้านเราต้องสะเทือนอีกครั้ง หลังจากที่ ‘โค้ก’ ได้เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ของตัวเองอย่าง ‘Coca-Cola Energy’ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และรุกทำการตลาดอย่างหนักในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร สเปน ฮังการี หรือประเทศในยุโรปตะวันตกอื่นๆ รวมถึงแถวเอเชียแปซิฟิก อย่าง ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
จากผู้บริโภคที่วันหนึ่งนึกตั้งคำถามเล่นๆขึ้นมาว่า “ประเทศไทยจัดการกับปัญหาขยะอย่างไร” จนนำมาสู่การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มที่มีชื่อแสนสั้นและจดจำง่ายว่า “เก็บ” (GEPP) ตัวกลางที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ที่มีวัสดุรีไซเคิล กับผู้รับซื้อวัสดุรีไซเคิล ก่อตั้งโดย “คุณมยุรี อรุณวรานนท์” และ “คุณโดม บุญญานุรักษ์” ด้วยความหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาขยะที่ยั่งยืนให้กับประเทศนี้
ปัญหามลพิษขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมโลกทุกวันนี้ดูเหมือนจะอาศัยพลังของใครเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้เสียแล้ว เราเลยได้เห็นโฆษณาสุดน่ารักจาก Coca-Cola ที่ส่ง “พลังเต่าทอง – พลังมด” มาช่วยกอบกู้โลกใบนี้ร่วมกันกับมนุษย์ด้วย
“ไทยน้ำทิพย์” จัดงานฉลอง 60 ปี เมื่อไม่นานมานี้ บนเส้นทางแห่งความสดชื่น พาย้อนอดีตสุดคลาสสิค กับนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวจุดกำเนิดของ “โค้ก” เครื่องดื่มยอดนิยมที่อยู่ในใจของคนไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมด้วยกิจกรรมเอาใจ แฟนพันธุ์แท้โคคา-โคลา และเครื่องดื่มสุดครีเอทอีกหลายเมนู
แคมเปญโฆษณาล่าสุดของ Coca-Cola กำลังเผชิญหน้ากับแรงบอยคอตในฮังการี หลังจากมีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วยนักการเมืองและกลุ่มอนุรักษ์นิยม มองว่าเป็นการส่งเสริมรักร่วมเพศ ขณะเดียวกันทางแบรนด์ก็แถลงการณ์ยืนยันจะไม่ถอดโฆษณาดังกล่าวออกเด็ดขาด
เมื่อวันอังคารท่ีผ่านมาหุ้นของ Coca-Cola ขยับราคาขึ้น 5.5% กลายเป็นราคาสูงสุดระดับ New-High สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทและเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ
Coca-Cola ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของการลดขยะ โดยมีเป้าหมายว่าปี 2025 จะทำให้แพ็กเกจจิ้งของตัวเองสามารถรีไซเคิลได้ 100% และปี 2030 จะสร้างระบบที่คืนขวดทุกขวด กระป๋องทุกใบได้ อย่างไรก็ตามก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น “โค้ก” ได้ทำเรื่องที่ง่ายดายกว่าจะลงมือได้เลยตอนนี้ นั่นก็คือ ให้ป้ายโฆษณาเป็นสื่อกลางเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงกระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายขึ้นแถมพลังครีเอทีฟยังทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อีกด้วย
“โค้ก” นำเอากระป๋องดีไซน์ปี 1985 กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้งแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น จำนวน 500,000 กระป๋อง ภายใต้ความร่วมมือกับซีรีส์ดัง “Stranger Things” ซีซั่น 3 ที่กำลังจะออกฉายเร็วๆ นี้
ในประเทศไทยแค่กระป๋องโค้ก(Coca-Cola) ลาย Avengers ซึ่งเปิดตัวมาต้อนรับภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Endgame ที่ว่าเรียกเสียงฮือฮาอย่างล้นลามแล้ว ดูเหมือนว่าที่บราซิลกิมมิคที่ Coca-Cola นำเสนอนั้นน่าตื่นเต้นไปอีกขั้น เมื่อมีการยกระดับให้ “ฝากระป๋อง” หรือหูกระป๋อง ถอดออกมากลายเป็น “เข็มกลัด” ที่เอาไปติดกับเสื้อหรือกระเป๋าต่อได้ด้วย
