หากเอ่ยถึง Pinterest สำหรับคนไทยอาจเป็นแพลตฟอร์มที่มีฐานผู้ใช้งานไม่มากนัก โดยข้อมูลจาก StatCounter เดือนมกราคม 2022 ระบุว่า ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในไทย ใช้ Pinterest อยู่ราว 7.33% ขณะที่การใช้งานแพลตฟอร์มดังอย่าง Facebook นั้นสูงกว่ามาก โดยอยู่ที่ 63.43%
บริษัทเทคโนโลยีก็อาจเจอการเติบโตแบบ K Shape ได้เหมือนกัน เห็นได้จากการแถลงผลประกอบการที่ผ่านมาที่พบว่า บริษัทอย่าง Apple, Microsoft, Alphabet (บริษัทแม่ของ Google), Samsung หรือแม้แต่ Amazon ต่างมีผลประกอบการสุดอู้ฟู่ ขณะที่ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) กลับเจอสถานการณ์ที่ต่างออกไป นั่นคือมูลค่าหุ้นร่วงอย่างหนัก เพียงเพราะมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม “ลดลง” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ไม่เท่านั้นยังพาราคาหุ้นของกลุ่มโซเชียลมีเดียรายอื่น ๆ ร่วงตามไปด้วย เช่น Twitter, Snap …
เป็นสิ่งที่หลายคนคาดว่าต้องมาถึงในสักวัน สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ Facebook ที่เปิดผลประกอบการไตรมาส 4 แล้วพบว่ามีตัวเลขผู้ใช้งาน “ลดลง” เป็นครั้งแรกในอเมริกาเหนือ (ซึ่งเป็นตลาดที่ทำเงินได้สูงสุด) จาก 196 ล้านคน เหลือ 195 ล้านคน แถมด้วยเม็ดเงินรายได้จากค่าโฆษณาที่ทำได้ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทแม่อย่าง Meta ลดลงทันที 24% หรือคิดเป็นมูลค่าที่หายไปราว 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
มีแนวโน้มว่าโปรเจ็ค “เดียม” (Diem) เงินคริปโตที่ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” แห่งค่าย Meta ให้การสนับสนุน (ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ชื่อว่า Libra) อาจไม่ได้ไปต่อเสียแล้ว หลัง Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในว่า ทางบริษัทกำลังพิจารณาขายสินทรัพย์ทางปัญญาที่พัฒนาขึ้นเพื่อนำเงินกลับมาคืนให้นักลงทุน รวมถึงหาบ้านใหม่ให้กับนักพัฒนาด้วย
“โซเชียลมีเดีย” เป็นหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารสำคัญสำหรับธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปี 2564 ที่ผ่านมา ทุกธุรกิจต้องเผชิญกับความยากลำบากจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้โซเชียลมีเดียยิ่งมีความสำคัญ เพราะช่วยให้แบรนด์เชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง แล้วในปีที่ผ่านมาโซเชียลมีเดียใดที่แบรนด์ต่างๆ นิยมมากที่สุด บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WISESIGHT เผยรายงานภาพรวมการใช้งานโซเชียลมีเดียของภาคธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์ชั้นนำ จาก 20 ภาคธุรกิจ โดยเก็บข้อมูลจาก 4 แพลตฟอร์ม ประกอบด้วย Facebook, Twitter, Instagram และ …
เพราะโซเชียลยุคต่อไปคือ “เกม” ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจึงประกาศแผนซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตเกมยักษ์ใหญ่ Activision Blizzard เจ้าของเกมดังอย่าง Call of Duty, World of Warcraft และ Candy Crush แล้ว ด้วยมูลค่า 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.29 ล้านล้านบาท
แผนกลับเข้าออฟฟิศของ Meta (หรืออดีต Facebook) ถูกเลื่อนอีกครั้ง เพราะล่าสุดทางบริษัทตัดสินใจเลื่อนเปิดออฟฟิศเป็นวันที่ 28 มีนาคมแล้ว และพนักงานต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน Covid-19 เพิ่มด้วย
“Metaverse” เป็นคำที่เริ่มมีการใช้ครั้งแรกในนวนิยายเรื่อง Snow Crash ของ Neal Stephenson ซึ่งเริ่มเผยแพร่เมื่อปี ค.ศ. 1992 และหลังจาก Mark Zuckerberg ประกาศรีแบรนด์องค์กรครั้งใหญ่จาก Facebook เป็น “Meta” พร้อมปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจไปสู่การเป็น “Metaverse Company” ตั้งแต่นั้นมาทั่วโลกต่างให้ความสนใจ Metaverse หรือจักรวาลนฤมิต ทั้งในระดับองค์กรธุรกิจ แบรนด์สินค้า-บริการ บุคคลทั่วไป ไปจนถึงรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศ Emma Chiu …
อาจกล่าวได้ว่า “Metaverse” หรือจักรวาลนฤมิต กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในช่วงไม่นานมานี้เอง โดยผู้ที่จุดพลุคำดังกล่าวก็คือซีอีโอ Facebook อย่าง Mark Zuckerberg ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta แล้วเพื่อให้เข้าธีมกับการประกาศวิสัยทัศน์ของบริษัท
ปัจจุบันเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “โซเชียลมีเดีย” (Social Media) เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันของผู้คนสูงขึ้นเรื่อยๆ และผู้บริโภคชาวไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้เวลาไปกับ Social Media มากติดอันดับต้นๆ ของโลก โดยคิดเป็น 78% ของประชากรทั้งหมด โดยมีการใช้งาน Facebook มากเป็นอันดับ 8 ของโลก ส่วน Facebook Messenger ใช้มากเป็นอันดับ 6 ของโลก และ Instagram มากเป็นอันดับที่ 16 ของโลก จากพฤติกรรมเหล่านี้ …
แอมะซอน (Amazon), เมต้า (Meta) หรืออดีต Facebook, ทวิตเตอร์ (Twitter), พินเทอเรสต์ (Pinterest) และ ทีโมบายล์ (T-Mobile) รวมถึง กูเกิ้ล(Google) ประกาศไม่ส่งทีมเข้าร่วมงาน CES แล้ว หลังเกิดความวิตกกังวลเรื่อง Covid-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะแพร่ระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา
Horizon Worlds โลกเสมือนจริงใบใหม่จาก Meta (อดีต Facebook) เริ่มออกปฏิบัติการแล้ว โดยทางบริษัท Meta ตัดสินใจเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก่อนเป็นสองประเทศแรก และอนุญาตให้ผู้เล่นต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
หลังจากคำว่า Metaverse เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีและการตลาดดิจิทัล และต่อมาแนวคิดนี้เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในหลายๆ วงการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์กรใหญ่ แบรนด์ดัง อย่างเช่น Facebook ก็ให้ความสนใจจนรีแบรนด์บริษัทตัวเองเป็น Meta พร้อมรุกธุรกิจไปในแนวทางนี้อย่างเต็มที่ ล่าสุด ราชบัณฑิตยสภา มีมติบัญญัติขึ้นเพื่อใช้แทนคำว่า “จักรวาลนฤมิต” ขึ้นมา เพื่ออธิบายความหมายของ “Metaverse” เป็นภาษาไทย
ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ คำว่า Metaverse กลายเป็นที่กล่าวถึงของแบรนด์จำนวนมาก และหลายแบรนด์ต่างก็พยายามนำเสนอมุมมองของตนเองเกี่ยวกับโลก Metaverse กันอย่างกว้างขวาง
Facebook เปิดตัวบริการ Subscriptions ใหม่สำหรับครีเอเตอร์ ในรูปแบบของ URL โดยหากมีคนกด Subscribe ผ่านช่องทางดังกล่าว รายได้หลังหักภาษีก็จะเข้ากระเป๋าของครีเอเตอร์โดยตรง
หลังจากที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า Facebook เจ้าพ่อแห่งวงการโซเชียลมีเดียเตรียมประกาศรีแบรนด์ใหม่เพื่อการก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ล่าสุดทาง Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัทก็ได้ประกาศเปิดตัวชื่อบริษัทใหม่แล้วอย่างเป็นทางการ นั่นคือ “Meta” และจะเทรดในตลาดหุ้นด้วยชื่อใหม่นั่นคือ MVRS
วัยรุ่นกำลังใช้เฟซบุ๊กน้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคนวัย 30+ ข้อมูลนี้มาจากผลวิจัยที่เฟซบุ๊กทำขึ้นเป็นการภายใน และถูกนำออกมาโดย Frances Haugen อดีตพนักงาน โดยพบว่าผู้ใช้งานที่มีอายุระหว่าง 13 – 17 ปีนั้น ไม่ได้ยึดติดกับแพลตฟอร์มมากเท่าคนรุ่น 30+ อีกต่อไป เห็นได้จากการที่พวกเด็ก ๆ โพสต์คอนเทนต์น้อยลง ใช้เวลากับเฟซบุ๊กก็น้อยลง แถมยังไม่ได้ชอบส่งข้อความกันบนเฟซบุ๊กอีกด้วย
เชื่อว่ามีหลายคนเห็นการจำลองภาพการประชุมบน Horizon โลกเวอร์ชวลของ Mark Zuckerberg แห่ง Facebook ที่ว่ากันว่าจะเป็นอนาคตแห่งโลก Metaverse กันไปบ้างแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่อิน ลองมาชมบรรยากาศการประชุมแบบนี้กันดีกว่า เพราะนี่อาจเป็นบรรยากาศที่หลายคน “คุ้นเคย” มานานก็เป็นได้
โลกเสมือนจริง Metaverse อาจทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook เกิดการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ โดยสื่อตะวันตกอย่าง The Verge อ้างแหล่งข่าวภายในว่าการรีแบรนด์จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้านี้
ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook เตรียมบุกโลก Metaverse จริงจัง ด้วยการประกาศจ้างงานในสหภาพยุโรปเพิ่มถึง 10,000 ตำแหน่งภายใน 5 ปีข้างหน้า
Instagram เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ช่วยเตือนวัยทีนให้พักจากแพลตฟอร์มเสียบ้าง รวมถึงเตือนให้หลีกห่างจากคอนเทนต์ที่อาจทำอันตรายต่อจิตใจได้ด้วย
กลายเป็นเรื่องโจษจันทั้งโลก เมื่อ Facebook ระบบล่มในวันจันทร์ที่ผ่านมา และพาแอปอื่น ๆ อย่าง WhatsApp, Messenger และ Instagram ล่มไปด้วยกัน ซึ่งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งโลกที่ไม่มีทางไป ก็แห่กันเข้ามาที่ Twitter และใช้เป็นที่แลกเปลี่ยนข่าวสารกันอย่างสนุกสนาน
จากเหตุการณ์แอปพลิเคชัน Facebook-Instagram-WhatsApp-Messenger ล่มในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย และการพบว่ามีข้อมูลภายในของ Facebook รั่วไหลเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะการดูแลแอคเคาน์ของเซเลบคนดังคนละแบบกับแอคเคาน์ของผู้ใช้งานทั่วไป
จากที่หย่อนน้ำจิ้มให้แฟน ๆ สนใจเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่า Facebook จะมีการเปิดตัวโปรดักท์ใหม่ ล่าสุดทางมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้ง Facebook ก็ได้ออกมาเฉลยแล้วว่าสิ่งที่เขาจะเปิดตัวนั้นคืออุปกรณ์อย่าง Portal Go และ Portal+ นั่นเอง
เพียงแค่ข้ามคืน หลังจากที่ Facebook ตัดสินใจเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Stories ทางด้านของ Lei Jun ซีอีโอเสียวหมี่ (Xiaomi) ก็ทวีตแนะนำตัวน้องใหม่ “Xiaomi Smart Glasses” ออกมาเช่นกัน
ถึงเวลา Facebook เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะกับเขาบ้างเสียที โดยเป็นการจับมือกับค่าย Ray-Ban พัฒนาแว่นที่สามารถรับสายเรียกเข้า – ถ่ายรูป – ฟังเพลงได้ วางขายในราคา 299 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,800 บาท
ถึงเวลา “หัวนม” บุก Facebook โดยหัวนมเหล่านี้เป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่มาเรียกร้องให้ Facebook ปรับปรุงอัลกอริธึมการตรวจจับภาพ ไม่ให้แบนภาพของพวกเขาเนื่องจากมันเหมือนจริงเกินไป
จากเดิมที่เรามักเห็นว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้ความสนใจกับการจัดการเนื้อหาประเภท Hate Speech หรือภาพการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ในยุค Covid-19 มีการเปิดตัวเลขจาก Facebook ระบุว่า บริษัทได้ทำการลบโพสต์มากกว่า 20 ล้านโพสต์ที่มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 ตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดใหญ่จนถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ไปแล้วเรียบร้อย (ทั้งบน Facebook และ Instagram)
สถานการณ์ของเฟซบุ๊ก (Facebook) ตอนนี้เข้าขั้นน่าเป็นห่วง เพราะมีรายงานว่า คณะกรรมการค้าแห่งสหรัฐฯ หรือ The Federal Trade Commission (FTC) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน Facebook ใหม่อีกครั้ง โดยบอกว่า บริษัทควรขายกิจการ อินสตาแกรม (Instagram) และวอทท์สแอป (WhatsApp) ออกมาเพื่อป้องกันการผูกขาดตลาด
แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน Covid-19 อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะกลับเข้าออฟฟิศ “Facebook” ได้แล้ว เพราะล่าสุดทางบริษัทออกกฎข้อใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่จะกลับเข้าทำงานในออฟฟิศต้องสวมหน้ากากอนามัยด้วย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
