LINE

กลายเป็น Now Normal สำหรับการใช้ชีวิตรูปแบบ “Hybrid” คือ การผสานระหว่างชีวิตออฟไลน์ และออนไลน์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเรียน ทำงาน ประชุม งานสัมมนา เสพความบันเทิงต่างๆ เช่น ดูหนัง คอนเสิร์ต ฯลฯ การเกิดขึ้นของ COVID-19 ทำให้การใช้ชีวิต และกิจกรรมต่างๆ จากที่เคยทำรูปแบบออฟไลน์ ต้องย้ายไปอยู่บนออนไลน์ และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่คลี่คลาย หรือสิ้นสุด อีกทั้งวัคซีนยังไม่ได้กระจายทั่วถึงทั่วโลก และประสิทธิภาพของวัคซีนยังไม่ 100% เท่ากับว่าวิถีชีวิตของผู้คน รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ …

ในยุคที่ใครๆ ก็แจ้งเกิดได้กับตำแหน่ง “อินฟลูเอนเซอร์” ตั้งแต่ระดับ นาโน ไปถึง เมกา อินฟลูเอนเซอร์ ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก และกลายเป็นเครื่องมือการตลาดทรงพลัง ในยุคที่อินฟลูเอนเซอร์มีให้เลือกมากมาย แต่ทำไม LINE ยังต้องลุกขึ้นมาปั้นไอดอล เข้าสังกัดของตัวเอง ตามดูเบื้องหลังโปรเจกต์ Debut ของ LINE IDOL กับการสร้าง InfluenceStar ประดับวงการ

LINE ประเทศไทย เปิดตัว LINE เวอร์ชั่นล่าสุด 10.13.0 ด้วย 2 ฟีเจอร์ใหม่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น กับ LINE MEETING ฟีเจอร์สำหรับการโทรไลน์แบบกลุ่ม แค่ส่งลิงก์ ก็กดเข้าประชุมกันได้แม้ไม่ต้องเป็นเพื่อนบน LINE และ Profile Deco ไอเทมตกแต่งโปรไฟล์ LINE ยกเซ็ต ทั้งธีม สติ๊กเกอร์ วิดเจ็ท และข้อความ ให้ผู้ใช้ได้สะท้อนความเป็นตัวเองในแบบที่ใช่ มุ่งตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ อำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องงาน …

LINE คอร์ปอเรชั่น ประกาศเลือก “ยอด ชินสุภัคกุล” ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ บริษัท LINE MAN Wongnai บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง “ไลน์แมน” และ “วงใน” เมื่อไม่นานมานี้ โดยคาดว่าจะมีผลในช่วงเดือนกันยายน 2563

LINE STICKERS เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด “สติกเกอร์เอฟเฟกต์” (Effect Sticker) พร้อมกันทุกประเทศ ส่งทัพเหล่าสติกเกอร์ไลน์สุดน่ารักครบทุกอารมณ์ เหมาะสำหรับทุกโมเมนต์ในชีวิตประจำวัน ให้มาดุ๊กดิ๊กเคลื่อนไหวบนพื้นหลังของห้องแชท เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกและสร้างสีสัน เพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้ห้องแชทของคุณสนุกยิ่งกว่าที่เคย!

เทรนด์ Influencer Marketing เริ่มต้นกับบทบาท Content Creator พาแบรนด์ไปให้ผู้บริโภครู้จักแบบเนียนๆด้วยรีวิว ต่อมาในยุคที่ KOL อินฟลูเอนเซอร์ครองเมือง ก็ขยับหน้าที่ไปเป็น Media เข้าถึงทั้งคนวงกว้างและกลุ่มเฉพาะ มาในจังหวะ New Normal อีคอมเมิร์ซบูมสุดขีด “อินฟลูเอนเซอร์” ขออัพเลเวลกับหน้าที่ “ปิดการขาย” เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือทุกอย่างครบจบที่เดียวให้แบรนด์ กับยุค Influencer Commerce

เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ หลายคนที่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดดูอาจรู้สึกแปลกใจ เมื่อพบว่าแอปพลิเคชัน LINE มีการแจ้งเตือนฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Keep Memo” ขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าทำให้หลายคนเกิดคำถามกันเลยทีเดียว ว่า Keep Memo คืออะไร และแตกต่างอย่างไรกับฟีเจอร์ Keep เดิม

LINE เปิดความสำเร็จแบรนด์ดังปรับตัวรับ New Normal หลัง Covid-19 พร้อมแนะนำแบรนด์ต่าง ๆ ให้พร้อมรับมือทุกการเปลี่ยนแปลงด้วยกลยุทธ์แบบ “Growth Strategy”

ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้การเล่น LINE กลายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของคนไทยไปแล้ว และนั่นทำให้ภาพของ LINE ในวันนี้กลายเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้งานกว่า 46 ล้านคนเข้ามาพูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับข่าวสาร รวมถึงจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคักผ่านฟีเจอร์ที่ LINE เตรียมไว้อำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น LINE Chat, Rabbit LINE Pay, หน้าร้านออนไลน์บน LINE Official Account ที่เสริมด้วยเครื่องมือ MyShop ตลอดจนถึงบริการเดลิเวอรี่อย่าง LINE MAN …

ในขณะที่คนไทยเข้าสู่สภาวะ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง LINE เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งต่อการดำรงชีวิตคของนไทยเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ไม่เพียงแต่ในด้านการสื่อสารผ่านแชท LINE อัพเดทข่าว ข้อมูลสถานการณ์ผ่าน LINE TODAY เท่านั้น LINE ไทม์ไลน์ (แท็บที่ 3 ในแอปฯ LINE) ได้กลายเป็นพื้นที่โซเชียลแหล่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมจากคนไทยในช่วงที่ผ่านมา ด้วยยอดการเข้าชมคอนเทนท์ในไทม์ไลน์พุ่งสูงถึง 7 พันล้านครั้ง และยอดการโพสต์คอนเทนต์บนหน้าไทม์ไลน์ของคนไทยสูงถึงเกือบ 3 ล้านโพสต์ต่อวัน ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มียอดการโพสต์ไทม์ไลน์สูงที่สุดในโลก* ในเดือนเมษายน 2563 …

ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยทุกคนต่างเผชิญปัญหาในการปรับตัวและการใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมไม่มากก็น้อย หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและภาคเอกชนต่างพร้อมใจกันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ใช้เทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเฉพาะ LINE ที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้คนไทยมากถึง 45 ล้านคน มาเป็นช่องทางหลักในการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนในด้านต่างๆ เพื่อนำพาประชาชนคนไทยให้ผ่านพ้นภัยยามวิกฤตโควิด-19 ไปได้พร้อมกัน ที่เห็นได้ชัดคือ การปรับตัวของภาครัฐ ที่มีการใช้งาน LINE ผ่าน LINE Official Account หลากหลายรูปแบบและล้วนตอบโจทย์ประชาชนคนไทยในช่วงโควิด-19 นี้ได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในด้านการอัปเดตข้อมูลข่าวสาร สถานการณ์ ไปจนถึงการใช้เป็นเครื่องมือช่วยลดอัตราความเสี่ยง ป้องกันการระบาดไม่ให้ลุกลามไปมากกว่าเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นกลายเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคครั้งใหญ่ที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เห็นได้จากการสำรวจของจาก KANTAR และ Mindshare เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพิษไวรัส Covid-19 ที่มีต่อสังคมไทย พบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากเหตุการณ์นี้

  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 สร้างผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ รวมไปถึงวิถีชีวิตของคน ที่ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่ในวิกฤติมีโอกาส หากผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้เร็ว และเลือกใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น

ช่วงที่มีการณรงค์หยุดอยู่บ้านเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในขณะนี้ ทำให้ผู้คนส่วนมากไม่สามารถเดินทางออกไปไหนมาไหนได้เหมือนเคย หลายคนได้หยุดอยู่บ้านและต้อง Work From Home หรือทำงานจากที่บ้านมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว การที่ไม่สามารถออกไปเจอกับคนรัก ครอบครัว หรือ เพื่อนฝูง เป็นระยะเวลาหนึ่งแบบนี้ อาจทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สดชื่นเหมือนเคย LINE ประเทศไทย เข้าใจความเบื่อหน่ายที่อาจเกิดขึ้นกับคนส่วนมากในขณะนี้  จึงขอร่วมรณรงค์การหยุดอยู่เบื่อเพื่อหยุดเชื้อในครั้งนี้ ให้สนุกสนานและสดใส ด้วยส่งความสนุกรูปแบบใหม่ที่จะสร้างสีสันบนแชท LINE รวมถึงอุปกรณ์การสื่อสารอื่นๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์พีซีหรือโน้ตบุ๊คได้  โดยจัดให้แบบที่เรียกได้ว่า การอยู่บ้านคงจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

เพราะตระหนักว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมีความซับซ้อนและแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งอาจถูกตาตัองใจผู้บริโภคกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการเหล่านั้นจะถูกใจคนทุกคนเสมอไป แม้กระทั่งวิธีการสื่อสารการตลาดที่เคยเป็นดั่ง “สูตรสำเร็จ” ในวันวาน ก็อาจใช้ไม่ได้ผลกับตลาดในปัจจุบันเช่นกัน ทำให้ LINE ต้อง “ยกเครื่อง” การทำงานและกระบวนการสื่อสารใหม่ทั้งหมด หลังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากว่า 6 ปี เพราะโจทย์ใหญ่ของ LINE วันนี้ ไม่ได้อยู่ที่การเพิ่มฐานผู้ใช้เหมือนช่วงแรกที่ทำตลาด เนื่องจากปัจจุบัน LINE มีฐานแฟนเหนียวแน่นกว่า 45 ล้านคน ความท้าทายในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องของการสร้างการรับรู้ในจุดยืนการเป็นแพลตฟอร์ม Life on LINE สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของทุกคน รวมถึงการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในบริการอื่น …

LINE ประเทศไทย ประกาศเดินหน้าโครงการ LINE ScaleUp 2020 โปรแกรมต่อยอดความสำเร็จสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อยกระดับศักยภาพสตาร์ทอัพไทยด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีจาก LINE พร้อมโอกาสให้ได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ โดยปีนี้ขอเชิญชวนสตาร์ทอัพสัญชาติไทยระดับซีรีส์ A ขึ้นไป ส่งโปรไฟล์และแผนธุรกิจให้โครงการพิจารณา โดยจะคัดเลือกทีมเข้าสู่ ScaleUp Camp ร่วมพัฒนาเตรียมความพร้อมก่อนนำเสนอสู่นักลงทุนเพื่อผลักดันสู่เส้นทางยูนิคอร์นต่อไป

ดูเหมือนว่าการย้ายตัวเองจากมนุษย์ออฟฟิศมาสู่การทำงานจากที่บ้านจะกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการพูดถึงมากขึ้นในช่วงเวลานี้ ประกอบกับการได้เห็นบริษัทระดับโลกอย่าง Google, Microsoft, Twitter, Apple, Amazon, Chevron ฯลฯ ได้เริ่มนำมาปรับใช้กับพนักงานของตัวเอง ก็อาจทำให้บริษัทน้อยใหญ่ในประเทศไทยเริ่มมองการประกาศ Work From Home ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 กันมากขึ้น

ถึงนาทีนี้ ตลาดแพลตฟอร์มไทยดูจะ “เล็กเกินไป” สำหรับ LINE เพราะเป้าหมายของ LINE ต้องการเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์ออนไลน์อันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนภายใน 3 ปีจากนี้ให้ได้ หลังใช้ระยะเวลา 9 ปีในการลุยให้บริการในไทย จากที่เริ่มต้นวางตัวเองเป็นแค่ “แชตแอปพลิคชั่น” ส่งสติ๊กเกอร์ให้กัน แต่ปัจจุบันขยายธุรกิจมากมายจนกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน โดยมีผู้ใช้งานถึง 45 ล้านคนทั่วประเทศ จึงน่าสนใจว่า LINE จะมีกลยุทธ์อะไรที่จะพาตัวเองทะยานสู่ผู้นำอาเซียนในครั้งนี้ในเวลาเพียง 3 ปี รวมถึงแผนการรุกตลาดในไทยที่จะพา LINE แย่งชิงเวลาของผู้ชมทั้งจากคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันและคู่แข่งรายใหม่ที่เข้ามาใหม่ตลอดเวลา

LINE ตอกย้ำแนวคิด Life On LINE เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “My Card” (มาย การ์ด) ครั้งแรกที่รวบรวมบัตรสมาชิกแบรนด์โปรดไว้ที่เดียว ถือเป็น Digital Loyalty Platform เต็มรูปแบบที่ผสานทุกไลฟ์สไตล์ความคุ้มค่าได้อย่างไร้รอยต่อบนอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่งของ LINE ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 45 ล้านราย เพียงเข้าผ่านแท็บ Wallet และเลือก My Card ทั้งนี้ LINE ได้ร่วมมือกับสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟสุดโปรดของคนไทย ชูขึ้นเป็นพันธมิตรรายแรก …

HappyFresh แอปพลิเคชันซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ จากประเทศอินโดนีเซีย และ LINE ประเทศไทย สองผู้นำด้านโมบายแพลตฟอร์ม ประกาศความร่วมมือ พร้อมข่าวดีให้ผู้ใช้ LINE MAN ในประเทศไทยเปิดประสบการณ์ใหม่ในการซื้อของสดของใช้ในรูปแบบออนไลน์ เป็นการพัฒนาก้าวสำคัญของประเทศไทย สำหรับความร่วมมือในรูปแบบนี้ โดยนับเป็นครั้งแรก ที่ LINE ได้เปิดตัวบริการใหม่ ซึ่งมิได้เกิดจากทีมพัฒนาแอปพลิเคชันภายในของ LINE แต่เป็นการรวมแพลตฟอร์มให้บริการจากพาร์ทเนอร์เข้าบน LINE MAN ซูเปอร์แอป

ดีแทค รวบรวมสถิติการใช้งานดาต้าช่วงเทศกาลส่งความสุขรับปีใหม่ 2020 โดยเผยรายชื่อ 6 จังหวัดประจำภาคที่คว้าแชมป์ยอดใช้งานดาต้าสูงสุด พร้อมเผย 5 แอปพลิเคชั่นยอดนิยมช่วงเทศกาลปีใหม่

พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่กับโลกออนไลน์มากขึ้น โดยโทรศัพท์มือถือกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตที่จะต้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะที่ไหนและเมื่อไหร่ก็สามารถหยิบขึ้นมาใช้ประโยชน์ทั้งการติดต่อสื่อสาร บันทึกและค้นหาข้อมูล หรือแม้กระทั่งการติดตามข่าวสาร เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลงออนไลน์ ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้ ทำให้นักการตลาดมองเห็นความสำคัญของ “การตลาดดิจิทัล” มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างผู้ผลิตสินค้าและบริการ กับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้ดีที่สุด

ปัจจุบัน “ผู้บริโภคไทย” ใช้อินเทอร์เน็ตสูงถึง 10.5 ชั่วโมงต่อวัน ถือเป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์อยู่กับดิจิทัลตลอดเวลา (Digital Savvy) อีกทั้งมีความคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมการเงินผ่าน “โมบาย แบงกิ้ง” ครองสถิติเบอร์หนึ่งของโลก การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ เป็นปัจจัยที่เข้ามา disrupt ธุรกิจธนาคารให้ต้องปรับตัว แต่ก็เป็นโอกาสสร้างเซอร์วิสที่ตอบโจทย์กลุ่มที่ใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลเช่นกัน

ต้องบอกว่าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ชื่อของแพลตฟอร์มที่ปรากฏบนสื่อต่าง ๆ เต็มไปด้วยแพลตฟอร์มจากจีน สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย ไม่ก็อินเดีย หนึ่งในประเทศที่หายไปจากสารบบอาจเป็น “ญี่ปุ่น”

LINE ประเทศไทย เปิดบูธจัดแสดงเทคโนโลยีและบริการ ในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ภายใต้แนวคิด “Life On LINE” โชว์ศักยภาพตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนไทยในยุคดิจิทัล พร้อมเดินหน้าเป็นแพลตฟอร์มมากด้วยโซลูชั่นเสริมประสิทธิภาพ จับมือพาร์ทเนอร์ร่วมพัฒนาบริการสาธารณะสำหรับภาครัฐ หวังดันไทยเดินหน้าสู่ Digital Economy และ Smart Cities

หลังจากเปิดตัวจนเป็นข่าวเกรียวกราวไปเมื่อปี 2017 กับบริการซิมดิจิทัล LINE MOBILE ของดีแทค ไตรเน็ต ล่าสุดถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงกันอีกครั้งแล้ว โดยทางบริษัทมีแผนจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น FINN MOBILE แทน และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (17 กันยายน 2019) เป็นต้นไป

ผ่านไปแล้วกับงานรวมพลคนโฆษณาดิจิทัล “DAAT Day 2019 – All Things Digital” ที่ในงานนอกจากจะมีการเปิดเผยเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของ 14 หมวดอุตสาหกรรมแล้ว ยังมาพร้อมคำอธิบายสภาพตลาด และการคาดการณ์ตัวเลขการใช้จ่ายเงินของปีนี้ด้วยว่ามีโอกาสทะลุ 20,000 ล้านบาทกันเลยทีเดียว ส่วนจะมีอะไรที่เคลื่อนไหว หรือเป็นเทรนด์ในวงการโฆษณาดิจิทัลปีนี้บ้างนั้น เราขอสรุปมาฝากกันดังนี้

เรียกว่าเป็นการตัดสินใจที่อาจตอบโจทย์คนยุคมิลเลนเนียล หรือธุรกิจเอสเอ็มอีที่กำลังมองหาสินเชื่ออย่างรวดเร็ว เมื่อรัฐบาลไต้หวันตัดสินใจให้ใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารแบบเวอร์ชวล (ธนาคารที่ให้บริการผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลโดยไม่มีสาขาของตนเอง) แล้วกับผู้ให้บริการ 3 ราย ได้แก่ LINE Financial Taiwan, Next Commercial Bank และ Rakuten International Commercial Bank

  หากเอ่ยถึงการใช้งาน AI อย่างเต็มรูปแบบเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน อาจเป็นสิ่งที่หลายคนยังนึกภาพไม่ออกว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าในงาน LINE Converge 2019 คอนเฟอเรนซ์ยักษ์ใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ของแพลตฟอร์มส่งข้อความ LINE อาจฉายภาพการใช้ AI ออกมาให้เห็นชัดมากขึ้นแล้ว

สำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไทย เชื่อว่าแทบทุกคนต้องเคยได้รับภาพ “สวัสดีวันจันทร์ – สุขสันต์วันอาทิตย์” จากบุคคลที่เรารักและเคารพอย่างคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทมิตรสหายกันมาแน่นอน โดยเอกลักษณ์ของภาพเหล่านั้นหนีไม่พ้นการใช้สีประจำวันอย่างสีเหลือง ชมพู เขียว สัม ฟ้า ม่วง และแดงมาจับคู่กับข้อความดี ๆ เพื่ออวยพรให้ฝ่ายผู้รับ โดยแพลตฟอร์มแชทอย่าง LINE มักเป็นแพลตฟอร์มลำดับต้น ๆ ของการใช้ภาพเหล่านี้ส่งผ่านหากัน