Microsoft

เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 เผยยอดสมาชิกลดไป 9.7 แสนราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่บริษัทเคยคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นดีดตัวขึ้นทันที 6% ด้านบริษัทเตรียมเปิดตัวแพกเกจราคาประหยัดที่มาพร้อมโฆษณา หวังดึงดูดใจให้คนใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มอย่างเป็นทางการในปี 2023 นี้

เชื่อว่าทุกคนตอนนี้ตระหนักดีว่า ประเทศไทยมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากครั้งหนึ่งในรอบหลายสิบปี เมื่อโลกดิจิทัลก้าวขึ้นเป็นกระแสหลักของการใช้ชีวิต ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นได้ทั้งโอกาส และหายนะ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ เราจึงมีมุมของของโลกในยุค web 3.0 จากคุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่มาแบ่งปันผ่านงานสัมมนาออนไลน์ Unlock The Future จัดโดย Brandbuffet ที่เผยให้เห็นถึงภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้อย่างละเอียด พร้อมบอกเล่าถึงโอกาสที่รออยู่ รวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่าจะกระทบกับบริบทของสังคมไทยอย่างไรด้วย

หลังจากไมโครซอฟท์ (Microsoft) หนึ่งในเจ้าพ่อวงการเกมประกาศซื้อกิจการ Activision Blizzard เจ้าของเกมดังอย่าง Call of Duty ทางโซนี่กรุ๊ป (Sony Group) คู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมานานก็ออกมาประกาศซื้อบริษัท Bungie ผู้พัฒนาเกม  Destiny บ้าง ด้วยมูลค่า 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 119,736 ล้านบาท งานนี้จึงอาจเป็นศึก 2 เจ้าพ่อวงการเกมที่น่าจับตากันยาว ๆ อีกครั้ง

เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนคงได้ผ่านตางานวิจัยของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในชื่อ “Work Trend Index” กันไปบ้างแล้ว โดยสิ่งที่งานวิจัยดังกล่าวรวบรวมข้อมูลมานั้น เผยให้เห็นถึงแนวโน้มต่าง ๆ ของโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการปรับตัวไปสู่การทำงานแบบ Hybrid มากขึ้น

ในขณะที่โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ที่ทำให้ชีวิตผู้คนสะดวกสบาย และรวดเร็วขึ้น แต่การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล มาพร้อมกับภัยโจมตีทางไซเบอร์ที่นับวันจะหนักขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง “การป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์” หรือ “Cybersecurity” กลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก ทั้งในระดับรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน อเมริกาขาดแคลนบุคลากรด้าน Cybersecurity 460,000 ตำแหน่งงาน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประชุมกับบริษัท Tech Company ยักษ์ใหญ่ เช่น Microsoft, IBM, Google, Amazon, …

แนวคิดการพัฒนาในทุกมิตินับจากนี้ จะอยู่ภายใต้หลัก “Leave no one behind” (LNOB) หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” คำมั่นสัญญาของประเทศสมาชิกในกลุ่มสหประชาชาติ (United Nations : UN) ได้ร่วมกันตกลง เพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” (Sustainable Development and its Sustainable Development Goals : SDGs) ที่มุ่งขจัดความยากจน ยุติการเลือกปฏิบัติ – …

“ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์” วางเป้าหมายไมโครซอฟท์ ให้รอบปีข้างหน้า ซึ่งเป็นปีที่ 4 ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ให้เป็น “ปีแห่งการเดินหน้า” เพื่อร่วมสร้างหนทางใหม่ ๆ ในยุคของการใช้ชีวิตและทำงานในแบบรีโมท ที่แทบทุกอย่างต้องมีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยได้มุ่งเน้นใน 6 ด้านหลักได้แก่

ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศแจกโบนัสพนักงาน 1,500 เหรียญสหรัฐ ทั่วโลก โดยในจำนวนนี้รวมถึงพนักงานพาร์ทไทม์และพนักงานที่ได้รับค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงด้วย

เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการเปิดตัวของระบบปฏิบัติการ Windows 11 ตัวใหม่จากค่ายไมโครซอฟท์ (Microsoft) ออกมาแล้ว ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในรอบ 6 ปี ที่นอกจากดีไซน์จะแตกต่างไปจากเดิมในหลาย ๆ ส่วน ยังมีการผนวกแอปพลิเคชันอย่าง Microsoft Teams ที่รองรับการทำวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ลงไปด้วย ซึ่งทำให้เห็นว่าบริษัทตั้งใจจะบุกตลาดอย่างไรหลังจากนี้

นอกจากงานสัมมนา “AIS Business Digital Future 2021” จะทำให้หลายคนเห็นภาพของภาคธุรกิจไทยในยุค Covid-19 กันไปแล้ว ภายในงานดังกล่าวก็ยังมีอีกหนึ่งคำแนะนำดี ๆ จาก “คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประเทศไทยด้วย โดยคุณธนวัฒน์มองว่าโลกแห่งอนาคต จะเป็นยุค “New Way, New Me” ที่เต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ รออยู่มากมาย

หลังจากที่เราใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 กันมาจนคุ้นเคย (เปิดตัวตั้งแต่ปี 2015) ดูเหมือนว่าอีกไม่นานเราจะมีระบบปฏิบัติ Windows ตัวใหม่ออกมาให้ใช้กันแล้ว เพราะทางซีอีโอของไมโครซอฟท์อย่าง ซาเทีย นาเดลลา (Satya Nadella) ได้ออกมาประกาศแล้วว่าพวกเขาจะเปิดตัว “the next generation of Windows” ในวันที่ 24 มิถุนายนนี้

การทำงานหลัง Covid-19 ผ่านพ้นไปจะไม่เหมือนเดิม คำกล่าวนี้มาจาก Microsoft Worklab ที่พบว่า รูปแบบการทำงานแบบยืดหยุ่นได้เกิดขึ้นแล้ว และมนุษย์ทำงานส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องปรับตัวไปกับเทรนด์นี้เสียด้วย ซึ่งข้อดีของการทำงานแบบใหม่ก็คือ ตลาดงานจะเปิดกว้างขึ้น และสามารถดึงคนจากทั่วโลกมาร่วมงานได้ แต่ก็มีคนบางกลุ่มได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเหล่า Gen Z ที่บริษัทต้องช่วยเหลือด้วยการเติมไฟให้พวกเขาเสมอ ๆ ด้วยนั่นเอง

สำหรับใครที่ยังมองภาพไม่ออกว่าคอนเทนต์ประเภท Mixed Reality (MR) จะเข้ามาอยู่ในชีวิตเรารูปแบบไหน การจับมือกันของ Microsoft กับผู้พัฒนาเกม Pokemon Go น่าจะเป็นคำตอบได้ดี โดยพวกเขาสร้างปิกาจูเวอร์ชัน Mixed Reality ที่มนุษย์สามารถเข้าไปทำความรู้จัก ให้อาหาร (เป็นลูกเบอรี่) และเป็นเพื่อนกันได้ รวมถึงพาไปแบทเทิลกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ของเกมออกมาให้ยลโฉมแล้ว

ไมโครซอฟท์ (Microsoft) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ของงบการเงินปี 2021 พบยอดขายเติบโตเหนือนักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 17% เหตุเพราะลูกค้าองค์กรเพิ่มการใช้คลาวด์ และซอฟต์แวร์ของทางค่ายเพื่อรองรับการ Work From Home ส่งผลให้รายได้รวมแตะ 43,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,291,900 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิจากไตรมาสนี้ไปถึง 15,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

แบรนด์ดังในสหรัฐอเมริกาออกมาช่วยรัฐบาล “โจ ไบเดน” พิชิตไวรัส Covid-19 กันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุดเป็น กูเกิล (Google) ที่ออกมาประกาศว่าจะแบ่งอาคาร ลานจอดรถ และพื้นที่ส่วนที่ยังว่างอยู่ของบริษัทให้กับหน่วยงานด้านสาธารณสุขเพื่อใช้เป็นคลินิคสำหรับการฉีดวัคซีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์ (Disney) แอมะซอน (Amazon) และสตาร์บัคส์ (Starbucks) ออกมาให้ความช่วยเหลือไปก่อนแล้ว

หลังจากการระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปแล้วเกือบทั่วประเทศไทย คนทำงานก็กลับมาสู่หนทางของการทำงานแบบ Work From Home อีกครั้ง ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องปรับตัว พัฒนาความรู้ และสรรหาเครื่องมือใหม่ๆ มาช่วยให้เราทำงานได้เก่งขึ้นกว่าเดิม ต้องทำงานสะดวก รวดเร็ว ยืดหยุ่น และทำงานไปพร้อมกับทีมอย่างมีประสิทธิภาพเพราะทักษะเหล่านี้ พวกเราคงต้องอยู่และพัฒนาเพื่อใช้กันต่อไปในอนาคตจนเราเองอาจลืมวิธีการทำงานเดิมๆ ไปเลย ซึ่งจากบทเรียนครั้งที่แล้ว ไมโครซอฟท์เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้เรียนรู้ไปพร้อมกับทุกคนบนโลกใบนี้ และด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการเป็นกำลังสำคัญของทุกคนเราจึงได้มีการอัปเดท และพัฒนาโซลูชัน เพื่อช่วยให้ทุกคนก้าวต่อไปได้ในยุคที่เราเรียนรู้ว่าความไม่แน่นอนคือธรรมชาติของชีวิต สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำตั้งแต่ตอนนี้ คือ เราต้องพร้อมตั้งแต่เครื่องมือการทำงานร่วมกัน อุปกรณ์และการติดต่อสื่อสารที่ทำได้เสมือนทำงานที่ออฟฟิศ ต้องเข้าถึงข้อมูล ไฟล์ และแอปพลิเคชันได้ไม่ต่างจากยกคอมพิวเตอร์ของออฟฟิศมาใช้ที่บ้าน …

ถึงเวลาเอาคืน เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศรัสเซียได้เสนอร่างกฎหมายที่อนุญาตให้มีการลงโทษแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กจากต่างประเทศที่ “ละเมิดสิทธิ” ของชาวรัสเซียในการเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ แล้ว ซึ่งบทลงโทษจากร่างกฎหมายนี้อาจมีทั้งค่าปรับ รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงกันเลยด้วย

บริการอีเมล Outlook ของค่ายไมโครซอฟท์ล่มทั้งระบบ กระทบทั้งเว็บ, บนเดสก์ทอป และบนมือถือ ซึ่งทางค่ายไมโครซอฟท์ยืนยันแล้วว่าเป็นการล่มทั่วโลก ส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงอีเมลต่าง ๆ ได้

Microsoft มีพาร์ทเนอร์เพิ่มอีกราย หลังมีรายงานว่า ค่าย Walmart ตัดสินใจร่วมมือกับ Microsoft ในการซื้อกิจการของ TikTok ด้วยแล้ว ทั้งนี้คาดว่าจะมีการประกาศความสำเร็จในดีลดังกล่าวในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วย

  น่าสนใจทีเดียวสำหรับ TikTok แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานไม่ถึงร้อยล้านคนในสหรัฐอเมริกา และมีต้นกำเนิดจากนักพัฒนาในจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง ByteDance ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” กังวลอย่างมาก จนต้องใช้คำสั่งพิเศษ (Executive Orders) เพื่อแบนแอปพลิเคชันดังกล่าวให้พ้นแดนอินทรี หรือมิเช่นนั้นก็ต้องขายกิจการเพื่อจะได้มั่นใจว่าจะไม่มีการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานกลับไปยังจีนแผ่นดินใหญ่

เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เมื่อ TechCompany อย่าง Microsoft – IBM – Amazon ต่างออกมาแสดงจุดยืนกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยี Facial Recognition ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับบริการของทางค่าย

โลกถึงเวลาเปลี่ยน Microsoft ประกาศเลย์ออฟเจ้าหน้าที่กองบรรณาธิการผู้ดูแลเซ็คชั่น Microsoft News และ MSN แล้ว โดยหันมาใช้ AI ในการเลือกข่าว และคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่จะนำเสนอบน MSN.com แทน

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทของการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในโลกดิจิทัล ควบคู่กับความปลอดภัยของบุคลากรในสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมแนะแนวทางให้องค์กรทั่วไทยเตรียมตัวในระยะโค้งสุดท้าย ก่อนเริ่มต้นบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย แนะนำวิธีการทำงานจากบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องมือการทำงานร่วมกันที่ตอบโจทย์ทุกมิติความต้องการอย่าง Microsoft Teams อาวุธลับในการสื่อสารของนินจา[1] มุ่งเน้นให้การทำงานร่วมกันบนโลกยุคดิจิทัลเป็นไปอย่างยืดหยุ่นและปลอดภัยที่สุด

ดูเหมือนว่าการย้ายตัวเองจากมนุษย์ออฟฟิศมาสู่การทำงานจากที่บ้านจะกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการพูดถึงมากขึ้นในช่วงเวลานี้ ประกอบกับการได้เห็นบริษัทระดับโลกอย่าง Google, Microsoft, Twitter, Apple, Amazon, Chevron ฯลฯ ได้เริ่มนำมาปรับใช้กับพนักงานของตัวเอง ก็อาจทำให้บริษัทน้อยใหญ่ในประเทศไทยเริ่มมองการประกาศ Work From Home ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 กันมากขึ้น

ก่อนหน้านี้เราอาจเคยได้ยินเรื่องของ AI ที่แปลผลผิดพลาด กับการวิเคราะห์ภาพคนผิวสีและบอกว่าเป็นภาพของลิงกอริลล่า ซึ่งถึงแม้ว่าทั้งหมดจะมีต้นเรื่องมาจากการป้อนข้อมูลที่มีความโน้มเอียงให้ AI จนนำไปสู่การตีความที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่การปล่อยให้ AI พัฒนาต่อไปโดยไร้หลักยึดเช่นนี้ ก็อาจเป็นไปได้ว่า AI จะเลือกปฏิบัติต่อผู้คนอย่างไม่เท่าเทียมกันได้ในอนาคต

บริษัทแม่ของ Google อย่าง Alphabet ได้เฮ หลังวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐสำเร็จเป็นรายที่ 4 ตามหลัง Apple, Amazon และ Microsoft

  ถ้าเราเข้าใจภาษาเรนเดียร์ บางทีเราอาจจะได้รู้อินไซต์ของซานตาคลอสในฤดูร้อนก็ได้ และไม่แน่ว่า Microsoft ก็อาจคิดเหมือนกัน จึงได้ส่งโฆษณาตัวใหม่สำหรับเทศกาลคริสมาสต์ความยาว 1 นาที ที่หยิบเอาความอบอุ่นสไตล์ครอบครัว บรรยากาศของหิมะโปรยปราย และสัญลักษณ์ของคริสมาสต์มาเป็นตัวเล่าเรื่องเพื่อนำเสนอเครื่องมือแปลภาษาของทางค่าย ที่รู้จักในนาม Microsoft Translator เสียเลย

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าทำงานหนักมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่สำหรับยุค AI (กำลังจะ) ครองเมือง ดูเหมือนว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นที่ Microsoft ญี่ปุ่นจะน่าสนใจทีเดียว

เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรเลยทีเดียว สำหรับอีเวนท์ด้านฮาร์ดแวร์ของ Microsoft ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Surface ออกมาหลายตัว แต่ความน่าสนใจถูกพุ่งเป้าไปที่สองโปรดักท์ใหม่อย่าง Surface Neo แท็บเล็ตชนิด 2 หน้าจอ กับ Surface Duo สมาร์ทโฟนแบบสองหน้าจอขนาด 5.6 นิ้ว นัยว่า Microsoft อาจส่งมาเป็นทางเลือก หลังตลาดสมาร์ทโฟนยังจุดไม่ติดกับสมาร์ทโฟนพับได้ที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung – Huawei ผลิตออกมา