Tesla

จากภาวะราคาน้ำมันพุ่งสูงในขณะนี้ และได้แรงหนุนจากแพ็กเกจส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ของภาครัฐ  ทำให้ในงาน Motor Show 2022  ค่ายรถทั้งยุโรป จีน ญี่ปุ่น และไทย ต่างแห่เปิดตัว EV หลากหลายรุ่น มีราคาตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน และโปรโมชั่นแบบจัดเต็ม เรียกกระแสสนใจจากผู้บริโภคเกิดเป็นกระแสพูดถึงกันอย่างมากบนโลกโซเชียล

สถานการณ์ชิปขาดแคลนที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อาจมาถึงจุดที่หนักที่สุดแล้วก็เป็นได้ เพราะมีรายงานว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่างฟอร์ด (Ford)  ต้องส่งมอบรถที่มีฟังก์ชันการทำงานไม่ครบให้กับผู้บริโภคก่อน ตามหลังบริษัทอื่นอย่าง เทสล่า (Tesla) และเจเนอรัล มอเตอร์ (General Motor) ที่เคยตัดสินใจลักษณะเดียวกันไปเมื่อก่อนหน้านี้

เทสล่า (Tesla) เรียกคืนรถทั่วสหรัฐอเมริกาครั้งใหญ่มากถึง 4.75 แสนคัน เหตุพบข้อบกพร่องที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ พาหุ้นดิ่ง 3%

เทสล่า (Tesla) ส่งฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้คนขับสามารถพูดออกไปบนท้องถนนได้ โดยรถที่รองรับคือเทสล่ารุ่นที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป

เจาะหมดทุกเซกเมนต์ Tesla เปิดตัว Cyberquad รถ ATV สำหรับเด็กราคา 1,900 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 65,000 บาท

มีรายงานว่า ค่ายรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่างเทสล่า (Tesla) เจอปัญหา “เซิร์ฟเวอร์ล่ม” ทำให้ไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันเชื่อมต่อกับตัวรถได้ ซึ่งในรายที่อาการหนักที่สุดคือไม่สามารถสตาร์ทรถได้เลย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่คาดว่ากระทบผู้ใช้เทสล่าทั่วโลก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตามหลังรายงาน Consumer Report 2021 เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์รถยนต์ประจำปี 2021 ที่เทสล่าติดอันดับรองบ๊วยของตาราง

อีลอน มัสก์ ขายหุ้นเทสล่ามูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยทำโพลล์ถามผู้ติดตามกว่า 62 ล้านคนบนทวิตเตอร์ว่าจะขายหุ้นดีไหม โดยผลโพลล์ มีคนสนับสนุนให้เขาขายหุ้นประมาณ 58%

อย่างนี้ก็มีด้วย อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งเทสล่า (Tesla) สร้างความฮือฮาด้วยการทำโพลล์ถามผู้ใช้ทวิตเตอร์ว่าเขาควรขายหุ้นเทสล่าดีไหม แถมไม่ได้ขายน้อย ๆ เพราะเขาตั้งเป้าไว้ว่าจะขายสัก 10% ของหุ้นที่มีเลยทีเดียว

Tesla เตรียมขยายไลน์สินค้ากลุ่มอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไปสู่ตลาดรถ EV ให้แบรนด์อื่น ๆ มาซื้อไปชาร์จด้วยได้แล้วเพราะมีการเปิดตัวที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในบ้านรุ่น J1772 Gen 2 Wall Connector ซึ่งสามารถใช้กับ EV แบรนด์ใดก็ได้

  ไม่เพียงเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกแซงหน้า Jeff Bezos แห่ง Amazon แต่วันนี้มูลค่าทรัพย์สินของ Elon Musk ยังเพิ่มขึ้นแซงหน้าบริษัทในธุรกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Exxon Mobil ไปแล้ว และกำลังจะเป็นมนุษย์คนแรกที่รวยถึง 3 แสนล้านเหรียญ (300 Billions)

จีนยังเป็นดินแดนทำเงินของเทสล่า (Tesla) หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ทุบสถิติอีกครั้งด้วยตัวเลขกำไร 1.62 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แซงหน้าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วไปกว่า 4 เท่า

ในงาน AI Day ของ “Tesla” ปีนี้ ได้เผยโปรเจคใหม่ที่จะยกระดับ Tesla ให้เป็นมากกว่าบริษัทผลิตยานยนต์อัจฉริยะ โดยกำลังสร้างหุ่นยนต์ Humannoid โดยชื่อที่เรียกกันภายในบริษัทว่า “Optimus” หรือจะเรียกกันง่ายๆ ว่า “Tesla Bot” ก็ได้

ไม่เพียงแต่เป็นไตรมาสที่เทสล่า (Tesla) มีผลประกอบการทุบสถิติ โดยสามารถทำ “กำไร” ครั้งประวัติศาสตร์ได้มากถึง 1.14 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในไตรมาส 2 ของปี 2021 นี้ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ยังได้เผยถึงกลยุทธ์ที่ทำให้ Tesla สามารถส่งมอบรถได้มากกว่า 2 แสนคัน ทั้ง ๆ ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างเผชิญกับวิกฤติขาดแคลนชิปครั้งใหญ่ด้วย

หลังจากเป็นกระแสร้อนแรงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับกรณีที่บิ๊กบอสของเทสล่า (Tesla) อย่างอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ออกมาเปิดประเด็นว่าการขุด bitcoin มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ “ถ่านหิน” ซึ่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเลวร้ายที่สุด

เทสล่า (Tesla) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 กำไรพุ่ง 438 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นกำไรจากการขายบิทคอยน์ถึง 101 ล้านเหรียญสหรัฐ

  ใครมีเงินบิทคอยน์ในกระเป๋าเตรียมเอาไปซื้อรถยนต์ค่าย Tesla กันได้แล้ว เพราะเจ้าพ่อแห่งวงการรถยนต์ไฟฟ้า “อีลอน มัสก์” ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการผ่านทางทวิตเตอร์ของตัวเองไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้

ดูเหมือนว่าตอนนี้ค่ายเทสล่า (Tesla) ของอีลอน มัสก์ จะเผชิญปัญหาใหม่ที่ยังไม่แน่ว่าจะใหญ่หรือไม่ในอนาคต กับการถูกทางการจีนปฏิเสธไม่ให้รถเข้าไปในพื้นที่ของหน่วยงานด้านการทหาร เนื่องจากเกรงว่า กล้อง หรือเซนเซอร์ที่ติดอยู่รอบตัวรถจะลักลอบส่งข้อมูลกลับไปยังสหรัฐอเมริกา

ไม่น่าจะเป็นข่าวที่ทำให้ภูมิใจเท่าไรในช่วงนี้ สำหรับอีลอน มัสก์ (Elon Musk) เพราะนอกจากจะถูกนักวิเคราะห์ออกมาบอกว่า การลงทุนในบิทคอยน์ของบริษัทเทสล่า (Tesla) มูลค่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังออกดอกออกผลเหนือกว่าการขายรถยนต์ไฟฟ้า – แบตเตอรี่อย่างเหนื่อยยากตลอดทั้งปี ปัจจุบัน เขายังสูญเสียตำแหน่งบุคคลที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลกคืนให้กับ Jeff Bezos ไปแล้วเรียบร้อย หลังออกมาประเมินราคาบิทคอยน์เบา ๆ ผ่านทวิตเตอร์ว่า “ชักจะสูงเกินไปแล้วนะ”

แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก กำลังมุ่งมาทาง “ยานยนต์ไฟฟ้า” ที่นับวันยอดขายรถยนต์ใหม่ มาจากรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยในปี 2020 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก อยู่ที่ราว 3.24 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่มียอดขาย 2.26 ล้านคัน ถึงแม้ยังเป็นตลาดที่เล็กกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป หรือรถใช้พลังงานน้ำมัน แต่เวลานี้รัฐบาลในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ประเทศแถบยุโรป จีน ญี่ปุ่น กำหนดวิสัยทัศน์ด้าน Green Economy และหนึ่งในนโยบายของการสร้างพลังงานสะอาดคือ ส่งเสริมทั้งผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และประชาชน …

“ตลาดรถไฟฟ้า” หรือ “Electric Vehicles” หรือเรียกสั้นๆ ว่ารถ EV กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ทั้งรัฐบาลในหลายประเทศ และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ต่างขยับมาในทิศทางนี้

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าพ่อเทสล่า (Tesla) ก้าวขึ้นเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก แซงหน้าเจ้าพ่ออเมซอน เจฟฟ์ เบซอส (Jeff Bezos) ด้วยทรัพย์สินสุทธิกว่า 185,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

รัฐมนตรีอินเดียเผย เทสล่า (Tesla) ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่เตรียมบุกตลาดต้นปีหน้า โดยจะเริ่มจากการขายรถยนต์ก่อน จากนั้นหากได้รับผลตอบรับดี ก็อาจลงทุนต่อในเรื่องโรงงานการผลิตและชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มต่อไป

จากที่เมื่อวานมีรายงานจากรอยเตอร์อ้างอิงแหล่งข่าวว่า แอปเปิล (Apple) แบรนด์อันดับต้นของโลกกลับมาปัดฝุ่นแผนการผลิตรถยนต์ของตนเองอีกครั้ง โดยมีปี 2024 เป็นเป้าหมายว่ารถคันดังกล่าวจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิต และออกวิ่งแตะท้องถนนในปี 2025 นั้น

เทสล่า (Tesla) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี ทำรายได้ 8,770 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นกำไรสุทธิ 331 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยถือเป็นไตรมาสที่ 5 แล้วที่บริษัทสามารถทำกำไรได้ติดต่อกัน

  ปี 2020 อาจเป็นปีที่ร้ายแรงสำหรับหลายต่อหลายแบรนด์ที่ต้องล้มหายตายจากกันไป แต่ไม่ใช่สำหรับ Elon Musk เพราะปี 2020 เป็นปีที่ความมั่งคั่งของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง 76,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,357,463 ล้านบาท และตัวเลขนี้ทำให้ความร่ำรวยของ Elon Musk แซงหน้า Mark Zuckerberg เจ้าพ่อ Facebook ไปแล้วขาดลอย

ต้องบอกว่า ปีนี้เป็นอีกปีที่ “ยากลำบาก” สำหรับธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ เพราะนอกจากต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาจนทำให้ยอดขายรถยนต์ปี 2562 อยู่ที่ 1.07 ล้านคัน ลดลง 3.3% แล้ว ยังต้องรับศึกหนักจากพิษร้ายของโควิด-19 ส่งผลให้ภาพรวมตลาดรถยนต์ยิ่งซึมหนัก โดยมีการประเมินว่าหากสถานการณ์แย่สุด ยอดขายรถยนต์ปีนี้อาจลดลงเหลือเพียง 570,000 คัน และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี กว่ายอดขายรถยนต์จะกลับมาจุดเดิม หรือมียอดขาย 1 ล้านคัน การปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาพตลาดในบริบทใหม่จึงเป็นสิ่งที่ดีลเลอร์รถยนต์ต้องทำอย่างเร่งด่วน เพราะหากปรับตัวได้เร็ว โอกาสที่จะประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติก็มีมากเช่นกัน ลองมาฟังบทวิเคราะห์แนวทางการปรับตัวที่น่าสนใจจากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย …

ยังถูกจับตาเช่นเดิมสำหรับสองค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในตำนานอย่าง Tesla และ Toyota ที่ใน “สหรัฐอเมริกา” ทั้งสองยังคงเบียดกันในแง่ของมูลค่าบริษัท

มูลค่าของบริษัท Tesla ก้าวแซงค่าย Toyota ใน “สหรัฐอเมริกา” ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังมูลค่าหุ้นเติบโตทะลุ 1,000 เหรียญสหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทในตลาดหุ้น Nasdaq พุ่งทะลุ 190,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แซง Toyota ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกันที่มีมูลค่าราว 182,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปแล้วเรียบร้อย

  สร้างกระแสได้ดีทีเดียว เมื่อ Elon Musk บอสใหญ่ของ Tesla ประกาศในทวิตเตอร์รับสมัครทีมงานสาย AI (Artificial Intelligence) มาร่วมงานด้วย โดยคุณสมบัติของคนที่จะเข้ามาอยู่ในทีมนี้ได้ต้องคุณภาพคับแก้ว ชนิดที่ว่าต้องผ่านการโค้ดดิ้งสุดโหดให้ได้เท่านั้น ส่วนใบปริญญานั้น Elon บอกว่า อาจไม่จำเป็นในการพิจารณา

ครอบครัวของ Walter Huang อดีตวิศวกร Apple ยื่นฟ้อง Tesla แล้ว หลังเกิดอุบัติเหตุกับรถ Tesla บนถนนสาย 101 ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมา และมีผลทำให้ Walter Huang เจ้าของรถถึงแก่ชีวิต โดยทางครอบครัวเชื่อว่า การโฆษณาของ Tesla คือต้นเหตุทำให้คนขับเชื่อว่าระบบ Autopilot มีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ในการควบคุมรถยนต์